3 ซีรี่ส์ดัง แห่งตระกูลหูฟังคัสต้อม FitEar
ค่าย FitEar เป็นแบรนด์หูฟังคัสตอมชื่อดังจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ใครๆก็ยอมรับใคุณภาพเสียงครับ ในรอบนี้เราจะมาทำความรู้จัก 3 ซีรี่ส์หลักที่เป็นหัวหอกประจำค่ายกันครับ ด้วยความแตกต่างกันของทั้ง 3 ซีรี่ส์ก็จะส่งผลต่อแนวเสียงรวมถึงการนำไปใช้งานอีกด้วยครับ
FitEar TITAN / Air / Air 2
เริ่มซีรี่ส์แรกกันด้วย TITAN, Air และ Air2 กันครับ ทั้ง 3 รุ่นจัดอยู่ในซีรี่ส์เดียวกันเพราะใช้เทคโนโลยีร่วมกันหมด ข้อแตกต่างหลักๆจะอยู่ที่วัสดุที่ใช้ผลิตมากกว่า เดี๋ยวเราลองไปดูจุดเด่นของซีรี่ส์นี้กันก่อนเลยครับ
จุดเด่น
- บอดี้ : เริ่มกันที่ดีไซน์ก่อนโดยในซีรี่ส์นี้จะมีจุดเด่นที่เรียกว่า ”Short Leg Shell” ซึ่งจะทำให้ส่วนก้านของท่อนำเสียงสั้นลงกว่าปกติ ทำให้ไม่ต้องสร้างช่องระบายอากาศบนตัวหูฟังเหมือนกับหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์ไดนามิคแบบปกติ ผลที่ได้คือการตอบสนองของไดรเวอร์ที่ทำได้ดี แต่ยังสามารถป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้เหมือนเดิมครับในส่วนของวัสดุทั้ง Air และ Air2 ยังคงเป็นอะครีลิคคุณภาพสูงที่สามารถเลือกสีสันของ Face plate ได้ถึง 6 สีเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของ TITAN นั้นจะใช้วัสดุเป็นไทเทเนียม เพิ่มความสวยงามและการตอบสนองด้านเสียงที่ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ
- ไดรเวอร์ : ระบบไดรเวอร์ในซีรี่ส์นี้จะเป็นแบบ Hybrid ผสมกันระหว่าง Dynamic และ Balance Armature ครับ โดยส่วนของไดรเวอร์ไดนามิคนั้นมีขนาดใหญ่ถึง 9 มิลลิเมตรและได้รับการพัฒนาจากผู้ผลิตอุปกรณ์โปรออดิโอชื่อดังอย่าง Fostex นำมาผสมกับไดรเวอร์ BA ของทาง FitEar เอง ทำให้การตอบสนองความถี่ทำได้กว้าง โดยเฉพาะย่านความถี่ต่ำและความถี่สูงนั้นเป็นจุดเด่นของหูฟังซีรี่ส์นี้เลยล่ะครับ
- สายสัญญาณ : ในส่วนของ Air และ Air2 จะใช้สายอัพเกรดรุ่น FitEar Cable 007 มาให้ครับ ซึ่งเป็นสายสัญญาณคุณภาพสูงเลยทีเดียว แต่ถ้าขยับมาเป็น TITAN จะได้สายสัญญาณพิเศษ CreatorCable C108 ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อ TITAN โดยเฉพาะครับ
โดยรวมแล้วซีรี่ส์ TITAN, Air และ Air2 จะเหมาะกับนักฟังสาย Audiophile ที่ชอบรายละเอียดจัดๆ เสียงแหลมที่ไปได้ไกล และมีความโปร่งสบายสูงสมกับชื่อรุ่นครับ ปริมาณเบสก็ค่อนข้างพอดีฟังเพลงได้ดีในทุกๆไสตล์ไม่ว่าจะหนัก จะเบาใช้งานได้ดีหมดครับ
FitEar MH334 / MH335DW
ตามต่อกันมาด้วยซีรี่ส์ที่สองนั่นก็คือตระกูล MH ครับ โดยแบ่งได้เป็น 2 รุ่นหลักๆได้แก่ตัวท็อปอย่าง MH335DW และ MH334 ทั้งสองถือได้ว่าเป็นตัวท็อปของค่ายเลยครับ โดยยังสามารถอัพเกรดเป็นรุ่นย่อย SR หรือ Studio Reference ได้อีกเพื่อคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้นครับ
จุดเด่น
- บอดี้ : ตระกูล MH นั้นจะใช้บอดี้ที่ทำมาจากอะครีลิคเกรดทางการแพทย์ครับ โดยดีไซน์จะต่างจากตระกูล Air เล็กน้อย เพราะระบบไดรเวอร์ภายในไม่เหมือนกัน แต่ด้านความทนทาน ความสวยงามนั้นเหมือนกัน ด้านการเชื่อมต่อก็ยังคงเป็นระบบ 2-pin เหมือนกับหูฟังของ FitEar รุ่นอื่นๆครับทั้ง MH334 และ MH335DW เมื่ออัพเกรดเป็นรุ่น SR ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องระบบท่อนำเสียงแบบไทเทเนียม รวมไปถึงระบบครอสโอเวอร์ทำให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นไปอีกครับ
- ไดรเวอร์ : สำหรับซีรี่ส์ MH จะใช้ไดรเวอร์แบบ Balanced Armature เพียงอย่างเดียว ในรุ่น MH334 จะใช้ไดรเวอร์ BA ทั้งหมด 4 ตัว แบ่งเป็น 1 Low / 2 Low-Mid / 1 High ส่วนรุ่นท็อปบอย่าง MH335DW ก็จะใช้ไดรเวอร์ BA ทั้งหมด 5 ตัวแบ่งเป็น 2 Low / 2 Low-Mid / 1 High ทำให้การตอบสนองย่านความถี่ต่ำแม่นยำยิ่งขึ้นไปอีกครับ
- สายสัญญาณ : สำหรับ MH334 และ MH335DW ที่เป็นรุ่น Standard จะได้สายสัญญาณรุ่น FitEar Cable 006 ครับ แต่ถ้าอัพเกรดเป็นรุ่น Studio Reference ก็จะได้สายอัพเกรดมาเป็น FitEar Cable 007 เหมือนกับในซีรี่ส์ Air นั่นเอง
ซีรี่ส์ MH นั้นจะมีความเป็นหูฟังมอนิเตอร์หรือหูฟัง Reference สูงเมื่อเทียบกับซีรี่ส์อื่นๆครับ ยิ่งเป็นรุ่น SR ด้วยแล้วความแม่นยำของเสียงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทำให้ซีรี่ส์นี้เหมาะมากสำหรับคนที่ทำงานด้านเสียงมืออาชีพที่ต้องการรายละเอียดสูง รวมถึงความแม่นยำและเสียงที่เป็นธรรมชาติ สำหรับนักฟังเพลงรุ่นนี้ก็น่าลองไม่แพ้กันครับ เพราะความเป็นมอนิเตอร์ของ FitEar นั้นยังสามารถฟังเพลงได้ไพเราะ ไม่ได้แห้งแข็งจนหมดสนุกครับ
FitEar Monet17
ปิดท้ายกันด้วยสาวน้อยประจำค่ายอย่าง FitEar Monet 17 กันครับ จุดเด่นสำคัญของซีรี่ส์นี้ก็คือออกแบบมาเพื่อเพลง Anime หรือดนตรีสไตล์ Anisong โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าถ้าใครชอบฟังเพลงแนวนี้แล้วถามหาหูฟัง Monet 17 ก็จะเป็นลิสท์ที่มีคนแนะนำให้ใช้งานเป็นลำดับต้นๆเลยล่ะครับ
จุดเด่น
- บอดี้ : ส่วนของ Monet 17 นั้นจะมีบอดี้ที่ใกล้เคียงกับตระกูล MH ครับ ยิ่งถ้าเป็นรุ่นอะครีลิคใสมองผ่านๆอาจจะสับสนกันได้ แต่สรุปใจความได้ว่าบอดี้ในรุ่นนี้ยังคงเป็นมาตราฐานอะครีลิคเกรดทางการแพทย์เช่นเดียวกันครับ
- ไดรเวอร์ : สำหรับไดรเวอร์ของ Monet 17 จะใช้ไดรเวอร์ Balance Armature จำนวน 5 ตัวเท่ากับรุ่น MH335DW แต่ลักษณะการจัดวางไดรเวอร์จะไม่เหมือนกันครับ เนื่องจากรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อการฟังเพลง Anime ที่เน้นเสียงร้อง ทำให้ต้องการย่านเสียงกลางไปจนถึงเสียงแหลมที่ชัดเจนเป็นพิเศษทำให้การจัดวางไดรเวอร์ทั้ง 5 ตัวจะประกอบไปด้วย 1Low / 2 Mid / High A-1 / High B-1 จะเห็นได้ว่า Monet 17 จัดวางไดรเวอร์โดยเน้นไปที่ย่านเสียงกลางและเสียงแหลมเป็นพิเศษครับ ส่วนของไดรเวอร์ที่คุมย่านความถี่ต่ำถึงจะมีตัวเดียวแต่เสียงที่ได้ก็กระหึ่มเพียงพอที่จะฟังเพลงสไตล์นี้ได้อย่างสนุกสนานครับ
- สายสัญญาณ : ในรุ่น Monet 17 นี้ก็ยังคงมาพร้อมกับสายสัญญาณคุณภาพสูงอย่าง FitEar Cable 007 ที่จัดว่าเป็นสายอัพเกรดราคาแพงเลยล่ะครับ ถ้าซื้อแยกเฉพาะสายอย่างเดียวก็ต้องเสียเงินร่วมหมื่นกว่าบาทเลย
สำหรับ FitEar Monet 17 ก็มีเอกลักษณ์หรือความเหมาะสมกับสไตล์ดนตรีที่ชัดเจนครับ นอกจากดนตรีอนิเมะแล้วดนตรีเมนสตรีมหรือดนตรีที่เน้นเสียงร้องเป็นหลักทั้งหลาย Monet 17 ก็สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดีครับ
FitEar Series
ถ้าคาดหวังหูฟังคัสต้อมคุณภาพดีล่ะก็ FitEar สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนครับ จุดสำคัญแค่ลองดูว่าเราชอบฟังเพลงแบบไหน หรือใช้งานหูฟังเพื่ออะไรเป็นหลัก ก็จะช่วยให้เราเลือกหาหูฟัง FitEar ไปใช้งานได้ง่ายขึ้นแล้วครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนหูฟัง FitEar ก็สามารถตอบสนองเรื่องเสียงได้เป็นอย่างดี ฟังเพราะ ฟังสนุก มีความแม่นยำ ให้รายละเอียดสูงเป็นจุดขายของค่ายนี้เลยล่ะครับ