3 หูฟัง FOCAL สำหรับมือใหม่หัดเล่น Hi-End
Focal เป็นค่ายที่มีหูฟังคุณภาพเยี่ยมอยู่หลายต่อหลายรุ่นให้เลือกใช้งานครับ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์พร้อมของเสียง Focal ก็มีหูฟังระดับ Hi-End ให้เลือกหลายรุ่นเลยทีเดียว แต่วันนี้เราจะขอนำเสนอเพียง 3 รุ่นไฮเอนด์ที่คุณภาพและราคาเหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มเปิดโลก Audiophile กับหูฟังประสิทธิภาพสูงซักอันนึงครับ
Three Hi-End Focal Headphones for Beginners
หูฟัง Focal ทั้ง 3 รุ่นที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ได้แก่รุ่น Radiance, Celestee และ Clear MG ครับ โดยที่ทั้งสามนั้นจัดอยู่ในหมวดหูฟัง Hi-End ระดับกลางค่อนไปทางสูงครับ ถึงแม้จะดูหน้าตาคล้ายๆกัน แต่ลักษณะทางกายภาพของหูฟัง รวมไปถึงการออกแบบก็ต่างกันอย่างชัดเจนครับ ใครที่เล็งๆ 1 ในหูฟังท้ัง 3 รุ่นนี้อยู่ล่ะก็ ลองไปดูความแตกต่างกันชัดๆได้เลยครับ
Focal Celestee
- หูฟังฟูลไซส์แบบ Closed-Back สำหรับใช้งานภายในและนอกสถานที่
- ใช้ไดรเวอร์ Aluminium/Magnesium ‘M’-shaped dome
- อิมพีแดนซ์ 35 Ohms รองรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนและ DAP
- ตอบสนองย่านความถี่ 5Hz – 23kHz
- สายสัญญาณ OFC 24 AWG cable ความยาว 1.2เมตรหัวแจ็ค 3.5mm.
Focal Radiance
- หูฟังฟูลไซส์แบบ Closed-Back ระดับ High-Fidelity
- ใช้ไดรเวอร์ Aluminium/Magnesium ‘M’-shaped dome
- อิมพีแดนซ์ 35 Ohms รองรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนและ DAP
- ตอบสนองย่านความถี่ 5Hz – 23kHz
- สายสัญญาณ OFC 24 AWG cable ความยาว 1.2เมตรหัวแจ็ค 3.5mm.
Focal Clear MG
- หูฟังฟูลไซส์แบบ Open-Back ระดับ High-Fidelity
- ใช้ไดรเวอร์ Magnesium ‘M’-shaped dome
- อิมพีแดนซ์ 55 Ohms ควรใช้งานกับ DAP ที่มีกำลังขับสูงหรือใช้ร่วมกับเฮดโฟนแอมป์
- ตอบสนองย่านความถี่ 5Hz – 28kHz
- สายสัญญาณ OFC 24 AWG cable ความยาว 1.2 เมตรหัวแจ็ค 3.5mm และ สาย 4-pin XLR ความยาว 3 เมตร
สามทหารเสือที่เหมือนแต่ก็แตกต่าง
หูฟังทั้ง 3 รุ่นนั้นยึดถือเอาดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Focal ทำให้หน้าตานั้นดูคล้ายๆกันครับ แต่ถ้าเราลงไปที่รายละเอียดของแต่ละรุ่นก็จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร สำหรับคุณภาพชิ้นงานและวัสดุนั้นบอกได้เลยว่าสุดยอดทุกรุ่นครับ ไม่ว่าจะเป็นหนังคุณภาพสูงที่ใช้ห่อหุ้มเฮดแบนด์และเอียร์แพด ส่วนของก้านหูฟังก็เป็นอะลูมิเนียมที่ทำให้ทั้งเบา ทั้งแข็งแรง
โดยเฉพาะรุ่น Radiance จะเห็นว่าสวยงามดุดันเป็นพิเศษเพราะเป็นรุ่นที่ผลิตพิเศษให้กับแบรนด์รถยนต์สุดหรูหราอย่าง Bentley
นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้วเราจะเห็นว่าลักษณะของหูฟังทั้ง 3 รุ่นนั้นจะแตกต่างกันครับ
- สำหรับ Focal Celestee และ Radiance จะเป็นดีไซน์แบบ Closed-Back
- ส่วน Focal Clear MG จะเป็นดีไซน์แบบ Open-Back ครับ
ซึ่งจะส่งผลต่อลักษณะการใช้งานและแนวเสียงที่ได้ด้วยครับ แน่นอนว่า Celestee และ Radiance สามารถใช้งานได้ดีทั้งในและนอกสถานที่ ส่วน Clear MG นั้นจะเหมาะกว่าถ้าฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบครับ
ไดรเวอร์เทคโนโลยี “M” Shape Dome อันเลื่องชื่อของ Focal
จุดร่วมกันของทั้ง 3 รุ่นและเป็นตัวสร้างเอกลักษณ์ให้กับหูฟังของ Focal นั่นก็คือเทคโนโลยี “M” Shape Dome ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทาง Focal ครับ โดยใช้ไดรเวอร์แบบ Full Range ขนาด 40 มิลลิเมตร ทรงโดมคว่ำรูปตัว “M” โดยที่ทั้ง 3 รุ่นจะมีวัสดุในส่วนของ Dome ที่แตกต่างกันอยู่ครับ
- ส่วน Focal Clear MG จะใช้วัสดุเป็น Magnesium เพียวๆครับ
ความแตกต่างตรงนี้จึงทำให้การตอบสนองความถี่ของแต่ละรุ่นไม่เท่ากันครับ โดยที่ Celestee และ Radiance จะรองรับย่านความถี่ที่ 5Hz – 23kHz ส่วน Clear MG จะทำได้ดีกว่านั่นคือ 5Hz – 28kHz
การใช้งานกับอุปกรณ์ฟังเพลงต่างๆ
นอกจากการออกแบบที่ต่างกันจึงส่งผลต่อลักษณะการใช้งานแล้ว อีกจุดนึงที่ต้องคำนึงในการเลือกใช้หูฟังทั้ง 3 รุ่นก็คือค่าความต้านทานหรือ Impedance ที่แตกต่างกันครับ
- สำหรับ Focal Celestee และ Radiance จะมีค่า Impedance อยู่ที่ 35 โอห์ม
- ส่วน Focal Clear MG จะมีค่า Impedance อยู่ที่ 55 โอห์ม
สังเกตุว่าทั้ง Celestee และ Radiance จะมีค่าความต้านทานที่น้อยกว่าทำให้ยังสามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้อยู่ครับ บวกกับดีไซน์แบบ Closed-Back ทำให้ทั้งคู่เหมาะกับการพกพาไปใช้งานภายนอกสถานที่ได้ดี
แต่ในรุ่น Clear MG จะมีค่าความต้านทานที่ถือว่าค่อนข้างสูงนั่นคือ 55 โอห์ม ถ้าอยากใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพก็อาจจะต้องฟังผ่านเพลเยอร์ที่ให้กำลังสูงหรือถ้าอยากให้เวิร์คสุดๆก็ต้องจับคู่กับแอมป์หูฟังซักตัวครับ รับรองว่าไพเราะเพราะพริ้งแน่นอน
เรื่องของสายสัญญาณ
อีกจุดนึงที่เกี่ยวข้องในหัวข้อนี้ก็คือสายสัญญาณครับ สำหรับ Celestee และ Radiance ที่เน้นการใช้งานแบบพกพาจึงให้สายสัญญาณ OFC 24 AWG cable ความยาว 1.2 เมตร ใช้หัวแจ็ค 3.5mm. และมีอะแดปเตอร์ขนาด 6.3mm. มาให้ด้วยครับ
มาที่รุ่นใหญ่อย่าง Clear MG กันบ้าง นอกจากสายมาตราฐาน ความยาว 1.2 เมตร พร้อมหัวแจ็ค 3.5mm.แบบเด๊ยวกับรุ่นน้องทั้งสองแล้ว ยังมีสายเกรดโปรแบบ 4-pin XLR ความยาว 3 เมตรมาให้ด้วยครับ ฉะนั้นเราสามารถนำไปแมทช์ชิ่งกับแอมป์หูฟังคุณภาพสูงๆได้เลยครับ
โทนเสียงที่แตกต่าง
มาถึงหัวข้อสำคัญนั่นก็คือโทนเสียงที่ได้จากหูฟังทั้ง 3 รุ่นนี้ครับ ซึ่งแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ
Focal Celestee : เสียงเบสที่หนักแน่น ฟังสนุกเป็นเอกลักษณ์สำคัญของ Celestee ครับ นอกจากนั้นยังให้ Tonal Balance ที่ดีให้รายละเอียดเครื่องดนตรีต่างๆครบถ้วน เป็นหูฟังมาตราฐานของชาว Audiophile ที่ดีมากๆครับ
Focal Radiance : เบสลงได้ลึกและมีอิมแพคที่ดีไม่ด้อยไปกว่า Celestee สามารถบาลานส์ย่านเสียงกลางได้อย่างลงตัว และยังมีเสียงแหลมที่ไพเราะนุ่มนวลเป็นพิเศษ จัดว่าเป็นสุดยอดของหูฟัง Closed-Back ครับ
Focal Clear MG : ด้วยผลลัพธ์จากค่า Damping Factor ที่ยอดเยี่ยมของไดรเวอร์ Magnesium ล้วนๆ ทำให้การเก็บรายละเอียดเสียงต่างๆ รวมถึงการไล่ระดับไดนามิคของ Clear MG นั้นสุดยอดมากๆครับ ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาบาลานซ์ของแต่ละย่านความถี่ไว้ได้อย่างดี จัดเป็นหูฟังที่มีน้ำเสียงเป็นธรรมชาติสูงมากครับ
น่าจะเห็นความแตกต่างของหูฟังของ Focal ทั้ง 3 รุ่นนี้กันได้อย่างชัดเจนมากขึ้นนะครับ ด้วยความแตกต่างเล็กๆน้อยๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมหาศาลจริงๆ และนี่ถือว่าเป็นเทคนิคทางวิศวกรรมของ Focal ที่ได้รับการันตีมาแล้วจากลำโพงระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ที่ Focal ผลิตมาหลายต่อหลายรุ่น
สำหรับท่านใดที่อยากเริ่มต้นกับหูฟังไฮเอนด์ดีๆสักอันล่ะก็ แบรนด์ Focal เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณสามารถเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นได้ยาวๆครับ นอกจากเสียงจะดีมากๆแล้ว เรื่องความสวยงามก็เป็นอีกเรื่องที่กินขาดมากๆเลยล่ะครับ