3 True Wireless กันเสียงรบกวนยอดนิยม
หูฟัง True Wireless ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปทรงของหูฟัง In-Ear ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีอยู่แล้ว แต่ยิ่งรุ่นไหนที่บวกฟังค์ชั่น Noise Cancelling มาให้ด้วยล่ะก็ยิ่งทำให้ความน่าใช้เพิ่มทวีคูณ วันนี้เราเลยนำหูฟัง 3 รุ่น 3 ระดับราคามานำเสนอให้ชมกัน มีทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ เนื่องจากว่า TWS ทั้งสามตัวที่จะโชว์ให้ดูนี้ถือว่ากำลังฮอตเอามากๆเลยล่ะครับ
FIIL CC Pro2
HIGHLIGHT
- งานดีไซน์เฉพาะตัว ใช้วัสดุโลหะล้วนๆจากทีมออกแบบ designaffairs
- ระบบ Hybrid Active Noise Cancellation ที่ลดเสียงรบกวนได้ถึง 42 dB
- ไดอะแฟรม Wool Basin Compound ขนาด 10.1mm
FIIL CC Pro2 กำลังเป็นหูฟังที่มาแรงเอามากๆครับ ด้วยค่าตัวที่ไม่สูงเกินไป แต่สเปคครบเครื่องเอามากๆ ทั้งคุณภาพเสียงที่ดี โหมดตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพ และฟีเจอร์เสริมต่างๆที่ให้มาเกินคุ้มเลยทีเดียว
สำหรับระบบตัดเสียงรบกวนของ CC Pro2 เป็นแบบ Smarter ANC ที่เจ๋งมากๆเมื่อเทียบกับค่าตัว โดยในการตัดเสียงรบกวนสามารถทำได้มากถึง 42dB ตัว ระบบ ANC มีหลายโหมดให้เราเลือกใช้งาน อย่างเช่นโหมดที่สามารถปรับเพิ่มหรือลดการตัดเสียงรบกวนได้ตามสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ แถมยังมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตัวเช็คแรงดันหรือการสวมใส่หูฟังของเราได้ด้วยว่าแน่นหนาพอรึเปล่า
เรื่องเสียงก็ไม่น้อยหน้าเป็นหูฟัง TWS อีกรุ่นที่เสียงดีฟังสนุกมากๆ เพราะเป็นผลพวงมาจากไดรเวอร์ขนาด 10.1 mm ออกแบบมาเป็นพิเศษใช้วัสดุ Wool Composite Diaphragm บวกกับระบบ Bluetooth 5.3 พร้อม codec Hi-Res อย่าง LDAC จากที่ได้ทดลองฟังแล้วมีกี่นิ้วผมก็ยกให้หมดเลยล่ะครับ
SoundPEATS H1
HIGHLIGHT
- Driver ระบบ Hybrid ผสมระหว่าง Dynamic และ Balanced Armature
- ใช้ชิป Qualcomm QCC3040 รองรับ aptX Adaptive
- มาพร้อมจุกหูฟังจากแบรนด์ Comply Foam
SoundPEATS H1 เป็นอีกหนึ่งหูฟัง TWS ราคาน่าคบหาที่ให้สเปคมาแบบไม่มีกั๊ก เบื้องต้นถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบ ANC มาให้ แต่ด้วยรูปทรงแบบ In-Ear Monitors บวกกับจุกหูฟังจากค่าย Comply Foam ที่มีประสิทธิภาพทำให้เวลาใช้งานสามารถซีลปิดช่องว่างระหว่างช่องหูกับตัวหูฟังได้สนิท ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีในระดับนึง
เรื่องเสียงถือว่าน่าสนใจมากๆ เพราะว่า SoundPEATS เลือกใช้ระบบไดรเวอร์แบบ Hybrid โดยเป็นส่วนผสมยอดฮิตระหว่างไดรเวอร์ Dynamic กับ Balanced Armature จากค่ายดัง Knowles ซึ่งก็ได้รับเสียงวิจารณ์ไปในแง่บวกพอสมควร เมื่อบวกกับ Bluetooth 5.2 และ codec aptX Adpative ก็ยิ่งทำให้ H1 มีคุณภาพเสียงที่ดีเกินราคา
พวกฟังค์ชั่นเสริมอื่นๆของ H1 ก็มีอยู่ไม่น้อยครับ ไม่ว่าจะเป็น Game Mode สำหรับลดค่า Latency ให้ภาพและเสียงตรงกันเป๊ะๆ, มีไมค์โครโฟนติดตั้งถึง 4 ตัวพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน cVc 8.0 และยังได้รับมาตราฐานความทนทานระดับ IPX5
Bowers & Wilkins PI7 S2
HIGHLIGHT
- Driver ระบบ Hybrid ผสมระหว่าง Dynamic และ Balanced Armature
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Adaptive Active Noise Cancelling และ cVc2
- รองรับ Bluetooth 5.0 ทำงานแบบ True Wireless 24-bit พร้อม Qualcomm aptX
เปลี่ยนบรรยากาศมาดูรุ่นใหญ่กันบ้างกับ Bowers & Wilkins Pi7 S2 หูฟัง TWS ระดับไฮเอนด์ตัวอัพเดทของค่าย ชื่อเสียงของเค้าไม่ต้องพูดกันมาก เพราะรุ่นแรกก็ได้รับคำชมมาจากหลากหลายสำนัก มาถึงรุ่นที่สองถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนเดิม แต่เรื่องเสียงก็อัพเกรดขึ้นเยอะเลย
ระบบไดรเวอร์ของ Pi7 S2 เป็นแบบไฮบริดที่ใช้ไดรเวอร์ไดนามิคขนาด 9.2 มิลลิเมตร บวกกับไดรเวอร์ Balanced Armature โดยที่ทั้งคู่แยกชุด amplifier เป็นของใครของมัน ทำให้ตอบสนองทั้งระนาบความถี่ได้ครบถ้วนและเป็นธรรมชาติ ในเจนเนอเรชั่นที่ 2 ปรับแต่งมาให้ฟังเพลงได้ครอบคลุมทุกสไตล์ เรียกว่าเบสอิ่มฟังสนุก เสียงกลางและแหลมก็ยังคมชัดสดใสครับ
เสริมเรื่องคุณภาพเสียงอีกนิด เพราะ Pi7 S2 ทำงานภายใต้ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 พร้อมรองรับ codec คุณภาพสูงอย่าง aptX Adaptive และ aptX HD พ่วงด้วยระบบ DSP ที่ช่วยประมวลผลให้ทำงานแบบ True 24-bit audio connection ที่ทำให้การส่งข้อมูลเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือเคสหูฟังยังใช้งานเป็น Bluetooth Transmitter ได้อีก
ส่วนระบบตัดเสียงรบกวนจะเป็นแบบ Adaptive ANC สามารถควบคุมระดับในการลดเสียงรบกวนได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมที่เราใช้งานอยู่ และตัวไมค์โครโฟนที่ใช้สำหรับโทรศัพท์และการตัดเสียงรบกวนก็มีถึง 3 ตัว สามารถใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพดีครับ
Conclusion
คงจะเอาหูฟังทั้ง 3 รุ่นนี้มาเทียบกันตรงๆไม่ได้ครับ ทั้งสามมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวมากๆ เริ่มกันตั้งแต่เรื่องราคา ฟังค์ชั่นที่ให้มา รวมถึงคาแรคเตอร์เสียง แต่ที่อยากนำเสนอก็คือทุกรุ่นให้ประสิทธิภาพที่คุ้มค่าแก่เงินลงทุน สามารถเลือกใช้งานได้ตามงบประมาณที่คุณมีเลย รับประกันไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ไม่ทำให้เสียดายตังค์แน่นอนครับ