5 หูฟัง Planar Magnetic ในราคาเข้าถึงง่าย
ทุกวันนี้ระบบไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic ลงมาอยู่ในหูฟังระดับกลางกันหลายรุ่นเลยทีเดียวครับ ทำให้นักฟังสามารถเข้าถึงประสบการณ์ของไดรเวอร์ชนิดนี้กันได้ง่ายขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่ในหูฟังระดับไฮเอนด์แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งงานนี้เราก็จัดเรียงหูฟังระบบ Planar Magnetic ในราคามิตรภาพมาให้ได้ชมกันถึง 5 รุ่นครับ
สำหรับใครที่ไม่คุ้นกับไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic ถ้าให้สรุปแบบง่ายๆมันก็คือส่วนผสมหรือลูกครึ่งระหว่างไดรเวอร์แบบ Dynamic เข้ากับไดรเวอร์แบบ Electrostatic นั่นเองครับ
โดยจะใช้แม่เหล็กเข้ามาสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อทำการขยับไดรเวอร์เหมือนกับระบบไดนามิค และก็มีแผ่นฟิล์มทำหน้าที่เป็นไดอะแฟรมอยู่ตรงกลางที่จะขยับต่อเมื่อมีกระแสเข้ามาเหนี่ยวนำคล้ายกับระบบ Electrostatic
ระบบนี้มีข้อได้เปรียบในเรื่องของ Distortion หรือความเพี้ยนเสียงต่ำ ตัวไดอะแฟรมค่อนข้างใหญ่จึงตอบสนองความถี่ต่ำได้ดี การตอบสนองก็ทำได้ไวมากเพราะไดอะแฟรมทั้งบางและเบา เป็นไดรเวอร์อีกชนิดที่ให้ประสบการณ์ฟังเพลงที่น่าสนใจมาก
TANGZU Zetian WU
HIGHLIGHT
- ใช้ไดรเวอร์ Planar Magnetic ขนาด 14.5 mm.
- บอดี้ทำจากเรซิ่นแบบ 3D Print ส่วน faceplate ก็ผ่านกระบวนการ CNC
- สามารถเลือกแจ็คหูฟังได้ทั้งแบบเวอร์ชั่น 3.5mm. และ 4.4mm.
TANGZU Zetian WU ไม่ได้โดดเด่นด้วยงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากรากฐานวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่จุดขายเขายังเป็นหูฟังระบบไดรเวอร์ Planar Magnetic ที่ใช้พื้นที่ขนาดเล็กได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด
ขนาดของไดรเวอร์อยู่ที่ 14.5mm. สามารถตอบสนองย่านความถี่ต่ำไปจนถึงช่วงกลางได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึง Upper Mid Range ไปจนถึง Ultra High ก็ทำได้ฟรุ้งฟริ้งมากๆ เป็นหูฟัง Planar ที่ราคาเข้าถึงได้ไม่ยากครับ
DUNU TALOS
HIGHLIGHT
- ไดรเวอร์ Planar Magnetic ขนาด 14.6 mm. และยังมีไดรเวอร์ BA มาเสริมอีก 2 ตัว
- เลือกระหว่างโหมด Planar และโหมด Hybrid ได้
- สายสัญญาณแบบ Silver-Plated Monocrystalline Copper cable
DUNU TALOS เป็นหูฟัง IEM ที่มีระบบไดรเวอร์ล้ำมากๆ เพราะนอกจากจะใช้ Planar Magnetic แล้วยังเสริมมาด้วยไดรเวอร์ Balanced Armatured ให้อีก 2 ตัว และที่แจ่มมากๆเลยก็คือเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ไดรเวอร์ Planar แบบเพียวๆ หรือจะผสมไดรเวอร์ทั้งสองระบบให้ทำงานร่วมกันก็ได้
TALOS สามารถไต่รายละเอียดย่านความถี่สูงไปได้ไกลถึง 40kHz เลยทีเดียว บวกเข้ากับสายสัญญาณ Litz Wire ทำมาจาก silver-plated monocrystalline ที่มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยเพิ่มความคมชัดของเสียงได้อีกมากเลยทีเดียว
Edifier Stax Spirit S3
HIGHLIGHT
- ไดรเวอร์ Planar Magnetic ขนาด 89mm x 70mm เทคโนโลยีไดอะแฟรม Edifier EqualMass
- เทคโนโลยีโครงสร้างแม่เหล็กของ Audeze Fluxor ให้สนามแม่เหล็กที่มีประสิทธิภาพ
- รองรับ Bluetooth 5.2 พร้อม codec aptX, aptX HD, aptX adaptive
Edifier Stax Spirit S3 เป็นเฮดโฟนไร้สายที่คุณภาพดีเยี่ยมมากๆรุ่นนึง ทั้งเสียงดี ฟีเจอร์เพียบ ให้คุณภาพระดับ Hi-Res ได้จริงแม้จะเป็นหูฟัง Wireless นั่นก็เพราะการรวมค่ายเข้ากับ STAX และสามารถพัฒนาระบบไดรเวอร์ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัวขึ้นมาใหม่
ไดรเวอร์ Planar Magnetic มีขนาดใหญ่ถึง 89mm x 70mm พร้อมไดอะแฟรมรุ่นใหม่ที่เรียกว่า Equal Mass diaphragm สามารถให้รายละเอียดได้ดีเยี่ยมและยังลดค่าดิสทอร์ชั่นลงไปได้มาก ส่วนระบบแม่เหล็กก็คือ Audeze Fluxor magnetic structure ที่ใช้แม่เหล็ก neodymium ในการสร้างสนามแม่เหล็กทำให้การขยับของไดรเวอร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Sendy Audio AIVA
HIGHLIGHT
- ไดรเวอร์ Planar Magnetic ไดอะแฟรมใช้วัสดุคอมโพสิตที่แข็งแรงและยืดหยุ่นสูงแบบ Ultra-Nanometer แม้ว่าจะมีความหนาเพียงแค่ 3u
- สร้างหูฟังแบบแฮนด์เมดเป็นส่วนผสมของไม้ zebra และอะลูมิเนียมเกรดการบินที่ผ่านกระบวนการ CNC
- สายหูฟัง 6N Single Crystal หุ้มด้วยฉนวนหลายชั้น
ขยับขนาดมาที่หูฟังฟูลไซส์กันมั่ง เป็นอีกหนึ่งค่ายที่เชี่ยวชาญด้านหูฟัง Planar Magnetic มากๆนั่นก็คือ Sendy Audio AIVA ความโดดเด่นของเค้าก็คือหูฟังที่ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการสร้างบอดี้ ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยความประณีตเป็นอย่างยิ่ง หูฟังทุกตัวผลิตชิ้นต่อชิ้นแบบแฮนด์เมด เรื่องคุณภาพบอกเลยว่าไร้ที่ติ
ส่วนของระบบไดรเวอร์ก็ทำมาจากวัสดุคอมโพสิตพิเศษที่แม้ว่าจะบางแต่ก็ยังมีความแข็งแรงมาก แถมยังมีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่น สามารถให้ตัวได้เยอะ มีขนาดใหญ่ถึง 97mm x 76mm ตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 20Hz ถึง 40kHz ถือว่าเป็นวัสดุในอุดมคติสำหรับการสร้างไดอะแฟรมก็ว่าได้
Sendy Audio Peacock
HIGHLIGHT
- หูฟัง Open Back Full-Size ใช้เทคโนโลยี QUAD-FORMER ที่ใช้ coil ถึง 4 ตัวและระบบแม่เหล็ก 2 ชุด
- รองรับความถี่สูงไปได้ถึง 40kHz
- สายสัญญาณคุณภาพสูงแบบ 8-core 6N OCC ใช้ขั้วต่อแบบ 4.4mm. พร้อมอะแดปเตอร์ 6.35mm.และ XLR 4pin
ปิดท้ายกันด้วยตัวท็อปของ Sendy Audio นั่นก็คือรุ่น Peacock นั่นเอง ถึงแม้ว่าราคาจะไม่ได้เข้าถึงง่ายนัก แต่ด้วยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมก็อยากให้คุณได้ลองพิสูจน์ดุซักครั้ง เพราะนี่คือหูฟัง Planar Magnetic สุดแจ่มอีกตัวของวงการเลยทีเดียว
ด้านงานประกอบและวัสดุเยี่ยมยอมตามสไตล์ค่ายนี้เลยครับ ยังคงใช้ไม้เป็นวัสดุหลักเช่นเคย งานดีไซน์ถือว่าสวยสุดๆ ส่วนระบบไดรเวอร์ก็น่าสนใจมากๆ โดยจะใช้ระบบที่เรียกว่า Quad-Former ซึ่งเป็นการออกแบบระบบแม่เหล็ก 2 ชุด และ Coils ถึง 4 ตัวแบ่งเป็นสองฝั่งระหว่างไดรเวอร์ด้านซ้ายและขวา
เทคโนโลยีแบบนี้ทาง Sendy Audio บอกว่าจะทำให้ได้สนามแม่เหล็กที่มีกำลังมากขึ้น แน่นอนว่าทำให้การตอบสนองต่อสัญญาณดีขึ้นตามไปด้วย พร้อมผลพวงของค่าดิสทอร์ชั่นที่ลดลง ให้คุณภาพเสียงที่อลังการและก็สะอาดมากๆครับ
Planar Magnetic Headphones
น่าจะพอหอมปากหอมคอกันแล้วนะครับ สำหรับหูฟังสุดแจ่มทั้ง 5 รุ่นที่ใช้ระบบไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic ครอบคลุมตั้งแต่รูปแบบของหูฟัง In-Ear, หูฟัง Wireless และก็หูฟัง Full Size รุ่นใหญ่เต็มขนาด ถ้าสนใจสัมผัสประสบการณ์เสียงจากไดรเวอร์ประเภทนี้ก็ลองเลือกหูฟังที่เหมาะกับงบและลักษณะการใช้งานของเราได้เลยครับ