เสียงเพราะ อย่าง ZEN – ZEN DAC, ZEN BLU, ZEN CAN มันคืออัลไลอ่ะ?

วิถีแห่งเซนคือความเรียบง่ายแต่ทว่างดงามทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งก็ตรงกับการออกแบบอุปกรณ์ในซีรี่ย์ ZEN จากค่าย iFi Audio ที่ภายนอกดูสวยงามเรียบง่าย แต่ภายในก็แฝงไปด้วยอุปกรณ์คุณภาพสูงที่ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio ได้เป็นอย่างดีครับ

iFi Audio ZEN Series

iFi Audio ในตระกูล ZEN Series นั้นประกอบไปด้วยอุปกรณ์ทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันครับ ได้แก่

• ZEN DAC : เป็น DAC และ Headphone Amp ในตัว
• ZEN BLUE : เป็น Bluetooth Receiver
• ZEN CAN : เป็น Headphone Amplifier

ทั้ง 3 รุ่นนั้นถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการฟังเพลงรายละเอียดสูงหรือ Hi-Res Audio ทุกรุ่นครับ เราสามารถเลือกใช้งานแต่ละรุ่นแบบโดดๆก็ได้ หรือจะเอามารวมร่างใช้งานรวมกันก็ยังได้และให้ผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วยนะครับ แต่ก่อนอื่นเราลองมาดูรายละเอียดของแต่ละรุ่นกันก่อนดีกว่าครับ

iFi Audio ZEN DAC Hi-Res USB DAC/AMP

จุดเด่น

• DAC และ Headphone Amplifier แบบตั้งโต๊ะรองรับรายละเอียด Hi-Res Audio
• ใช้ชิป DAC ของ BurrBrown ให้รายละเอียดได้สูงถึง 24-bit/384kHz และ DSD256
• รองรับการถอดรหัสไฟล์ MQA
• ใช้ Digital Input แบบ USB 3.0 และรองรับ USB 2.0
• มีเอาท์พุตหูฟังให้เลือกใช้ทั้ง Single-End และ Balanced
• ส่วนของเอาท์พุตอะนาลอคยังเลือกใช้งานได้ทั้งแบบ Variable และ Fixed

ZEN DAC นั้นเป็นอุปกรณ์ประเภท One Stop Service ครับ คือตัวเดียวจบใช้งานได้ทุกอย่าง โดยหัวใจหลักของเค้าก็คือ DAC คุณภาพสูงที่มาพร้อมชิปเซ็ทจากค่ายดังอย่าง BurrBrown ทำให้รองรับการเล่นเพลงที่มีความละเอียดสูงได้มากถึง 24-bit/384kHz และ DSD256 รวมไปถึงการถอดรหัสไฟล์ MQA ด้วย จึงเหมาะทั้งผู้ที่ใช้งานกับไฟล์เพลง Hi-Res รวมไปถึงการ Streaming เพลงฟังแบบออนไลน์ด้วยครับ

ในส่วนของของภาคขยายอย่าง Headphone Amp ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยช่องเอาท์พุตหูฟังที่มีให้เลือกทั้งขนาด 6.35mm Single-End และ 4.4mm Balanced ที่ให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก แถมยังมีระบบ Power Match ที่ช่วยให้คุณจับคู่หูฟังต่างๆได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง IEM ขนาดเล็ก หรือหูฟังฟูลไซส์ขนาดใหญ่ ก็ใช้งานได้หมดครับ

ไม่เพียงแค่ใช้งานกับหูฟังเท่านั้นแต่เรายังสามารถส่งสัญญาณไปเข้าลำโพงหรือชุดเครื่องเสียงได้ผ่านช่อง RCA และ Balance output แถมยังสามารถปรับโหมดให้เหมาะกับการใช้งานได้อีก 2 แบบ ได้แก่ Variable เพื่อเปลี่ยน ZEN DAC ให้เป็นปรีแอมป์เพียวๆ หรือโหมด Fixed ที่จะบายพาสโวลลุ่มคอนโทรลแล้วส่งสัญญาณไปใช้งานผ่านปรีแอมป์ภายนอกได้ครับ

นอกจากนั้น ZEN DAC ก็ยังมีลูกเล่นอย่าง TrueBass ที่จะช่วยเพิ่มย่านความถี่ต่ำให้ฟังสนุกขึ้น โดยใช้ภาคอะนาลอคในการฟิลเตอร์สัญญาณ ทำให้เสียงหนาขึ้นโดยไม่รบกวนย่านความถี่อื่นๆครับ

iFi Audio ZEN BLUE Hi-Res Wireless Streamer

จุดเด่น

• อุปกรณ์รับสัญญาณ Bluetooth สำหรับการใช้งานร่วมกับลำโพงหรือเครื่องเสียง
• ใช้ชิป DAC จาก ESS Sabre รองรับการแปลงสัญญาณระดับ Hi-Res
• ทำงานผ่านระบบ Bluetooth 5.0
• รองรับ codec bluetooth ระดับ Hi-Res เช่น aptX HD, aptX Low Latency และ LDAC
• มีเอาท์พุตให้เลือกใช้งานทั้งดิจิตอลและอะนาลอค

ZEN BLUE จะมีหน้าที่เป็น Bluetooth Receiver คอยรับสัญญาณเพลงที่มาทางระบบไร้สายอย่าง Bluetooth เข้ามาแปลงเป็นสัญญาณเสียงซึ่งทำได้ถึงระดับ Hi-Res Audio ครับ โดย ZEN BLUE เลือกใช้ชิปประมวลผล QCC5100 ของ Qualcomm ทำให้สามารถรองรับ Bluetooth 5.0 ได้และยังใช้กับ codec ระดับ Hi-Res ได้หมดไม่ว่าจะเป็น aptX HD, aptX Low Latency, HWA และ LDAC รวมไปถึง codec พื้นฐานอย่าง AAC และ SBC ด้วยครับ

ในส่วนของการแปลงสัญญาณเสียงก็ยังคงอยู่ในมาตราฐาน Hi-Res Audio เช่นเดียวกันครับ โดยใช้ชิป DAC จาก ESS Sabre ซึ่งในกรณีที่คุณใช้งานกับ codec คุณภาพสูงอย่าง LDAC จะทำให้คุณได้ฟังเพลงที่ให้รายละเอียดสูงถึง 24Bit / 96kHz เลยทีเดียวครับ

ส่วนของช่องเอาท์พุตจะมีให้เลือกทั้งแบบดิจิตอลที่เป็นช่อง Optical และ Coaxial ส่วนเอาท์พุตอะนาลอคจะเป็น RCA และช่อง 4.4mm Balanced ครับ

ZEN BLUE จึงเหมาะมากๆกับการเข้าคู่กับชุดเครื่องเสียงในบ้าน, ต่อกับลำโพงแบบแอคทีฟ หรือจะไปเข้าคู่กับแอมป์หูฟังอย่าง ZEN CAN ที่เรากำลังจะพูดถึงกันครับ

iFi Audio ZEN CAN Headphone Amplifier

จุดเด่น

• Headphone Amplifier แอมป์หูฟังกำลังขับสูง ที่เหมาะกับหูฟังทุกขนาด
• ใช้แอมป์แบบ Class A ให้คุณภาพเสียงที่สุดยอด
• กำลังขับสูงสุด 1600 mW สามารถขับหูฟังที่มีความต้านทางสูง ๆ ได้อย่างสบาย
• สามารถปรับระดับ Gain เพื่อให้เหมาะกับหูฟังประเภทต่างๆได้ถึง 4 ระดับ
• มีโหมดที่ช่วยปรับแต่งเสียงเพิ่มอย่างเทคโนโลยี 3D และ XBass

มาถึงอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายในตระกูลนี้กันครับ นั่นคือ ZEN CAN ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแอมป์หูฟังแบบเพียวๆ ซึ่งจุดที่เหนือกว่าแอมป์ที่อยู่ในรุ่น ZEN DAC ก็คือพละกำลังที่มากกว่า ในกรณีที่คุณใช้หูฟังฟูลไซส์ที่บริโภคพลังงานสูงมากๆ ZEN CAN จะตอบสนองในจุดนี้ได้ดีกว่า รวมไปถึงการแมทชิ่งกับหูฟัง ซึ่ง ZEN CAN จะทำได้ละเอียดมากกว่า โดยสามารถแมทชิ่ง Gain ได้ถึง 4 ระดับ ไม่ว่าจะใช้กับหูฟังขนาดไหนก็ไร้ปัญหาครับ

อีกไฮไลท์นึงของ ZEN CAN จะอยู่ในภาคขยายของเค้า เริ่มกันด้วยแอมป์แบบ Class A ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าคลาสนี้ให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแอมป์คลาสอื่นๆ  และยังเลือกใช้ Op-Amp รุ่น OVA2637 ที่มีสัญญาณรบกวนค่อนข้างต่ำทำให้คุณภาพเสียงของ ZEN CAN อยู่ในระดับที่ดีมากๆครับ

ส่วนของการเชื่อมต่อก็จะมีอินพุตให้เลือกทั้งแบบ Balanced 4.4mm และ Single End 3.5mm และ RCA ครับ เราสามารถต่อทุกอินพุตทิ้งไว้ได้เลย และใช้ปุ่ม Input Selector ด้านหน้าเลือกได้ว่าจะใช้งานจาก source ตัวไหนครับ ส่วนของเอาท์พุตก็จะมีช่องหูฟังให้เลือกทั้งแบบ Single End 6.35mm และ Balanced 4.4mm เช่นกันครับ

นอกจากนั้น ZEN CAN ยังมีลูกเล่นให้เราปรับแต่งเสียงเพิ่มได้อีก อย่างโหมด 3D ที่จะช่วยเพิ่มมิติเสียงให้กว้างและลึกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งโหมด XBass ที่ช่วยเพิ่มความถี่ต่ำให้เราฟังเพลงได้สนุกเร้าใจยิ่งขึ้นครับ

รวมร่างกันให้เสียงมันส์กว่า

 

นอกจากจะใช้งาน ZEN แต่ละรุ่นตามการใช้งานเฉพาะตัวแล้ว เรายังสามารถเอาพี่น้องตระกูล ZEN มาแมทช์เพื่อใช้งานร่วมกันก็ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น

• นำเอา ZEN DAC มาต่อเข้ากับ ZEN CAN : เพื่อใช้ภาคคอนเวอร์เตอร์จาก ZEN DAC เพียวๆ ส่วนภาคขยายก็มาใช้จาก ZEN CAN ที่มีแอมป์คุณภาพสูงกว่า
• นำเอา ZEN BLUE มาต่อเข้ากับ ZEN CAN : เพื่อใช้ ZEN BLUE ในการรับสัญญาณบลูทูธมาฟังเพลงผ่านหูฟังด้วย ZEN CAN
• นำเอาทั้ง ZEN DAC และ ZEN BLUE ต่อเข้า ZEN CAN ทิ้งไว้ทั้งคู่ : รวมร่างทั้งหมดไว้ด้วยกัน โดยอาจจะเอา RCA เอาท์พุตจาก ZEN DAC มาเข้าที่ ZEN CAN และนำเอา Balanced เอาท์พุตจาก ZEN BLUE มาเข้าที่ ZEN CAN เวลาจะใช้งานเราก็สามารถเลือกที่ input selector ได้เลยว่าจะฟังเพลงจาก ZEN DAC หรือว่า ZEN BLUE ครับ

การนำเอาอุปกรณ์จากค่ายเดียวกันมาต่อใช้งานร่วมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องการเข้าคู่กันของอุปกรณ์ครับ อย่างใน ZEN series เองก็ออกแบบทั้ง 3 รุ่นมาโดยคิดเผื่อการต่อพ่วงใช้งานร่วมกันอยู่แล้ว นอกจากจะใช้งานง่ายแล้วก็ยังให้คุณภาพเสียงที่ดีอีกด้วย ใครที่สนใจอุปกรณ์ตระกูล ZEN ล่ะก็อย่าพลาดมาทดลองพลังเสียงนะครับ รับประกันว่าเสียงดีทุกรุ่นแน่นอนครับ