CHORD Mojo 2 ราชา DAC-Amp กลับมาทวงคืนบัลลังก์สายพกพา!
ราชาที่ครองบัลลังก์และได้รับความนับถือมายาวนานถึง 7 ปีย่อมการันตีความไม่ธรรมดา และการมาถึงของราชารุ่นที่สองของ CHORD Mojo 2 ก็ทำให้วงการต้องสั่นสะเทือน เพราะนี้คือ DAC-AMP พกพาที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลกรุ่นนึงครับ
CHORD Mojo 2 Portable DAC & Headphone Amplifier
HIGHLIGHT
- ใช้ชิป FPGA รุ่นใหม่ล่าสุดที่ CHORD พัฒนาขึ้นใหม่หมดจดให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
- ระบบ ‘UHD’ DSP เป็น EQ แบบพิเศษที่สามารถปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับหูฟัง ไฟล์ที่ใช้งานรวมถึงรสนิยมส่วนบุคคลด้วยครับ
- WTA Filtering ช่วยให้เสียงสะอาดมากขึ้น
- พอร์ต USB-C ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
- ช่องเอาท์พุต 3.5mm. สองช่องสำหรับใช้หูฟังสองตัวพร้อมกันได้
- รองรับการทำงานแบบไร้สายร่วมกับสตรีมเมอร์รุ่น Poly
ราชากลับมาอีกครั้งพร้อมปรับรูปลักษณ์อีกนิดหน่อย
CHORD ยังคงเลือกที่จะใช้พื้นฐานการออกแบบจาก Mojo รุ่นแรกมาใช้ใน Mojo 2 ต่อครับ แน่นอนว่าคุณภาพของการออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ยังเป็นสิ่งที่ CHORD ซีเรียสเช่นเดิม
Mojo 2 ยังคงถูกผลิตที่ประเทศอังกฤษเช่นเดิม ตัวบอดี้ทำจากอะลูมิเนียม CNC เช่นเดิมแถมมาตราฐานการผลิตยังเป็นระดับเดียวกับการสร้างอากาศยานครับ และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ราคาคุยเพราะวิศกรผู้ก่อตั้ง CHORD ก็เป็นผู้ออกแบบระบบไฟฟ้าสำหรับเครื่องบินเจ็ทมาก่อน เมื่อประยุกต์การออกแบบมาใช้ในอุปกรณ์ออดิโอจึงสามารถป้องกันเสียงรบกวนได้จริงๆครับ
ขนาดของบอดี้ไม่ได้ต่างจากรุ่นแรก รวมถึงพอร์ตหลักๆด้วยซึ่งเดี๋ยวเราจะว่ากันต่อไปครับ แต่ที่เปลี่ยนแน่ๆคือปุ่มลูกบอลสีด้านบนตัวเครื่องที่จากเดิมมีแค่ 3 แต่ในรุ่นใหม่จะเพิ่มปุ่มลูกบอล Menu ขึ้นมาอีกครับ ซึ่งจากเดิมจะมีแค่ปุ่ม Power และ Volume + / – เท่านั้น ตัวลูกบอลเหล่านี้ก็ยังคงเปล่งแสงเพื่อแสดงสถานะต่างๆเช่นเดิม เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนของ CHORD ครับ
ชิป FPGA ที่พัฒนาใหม่หมดจด
จุดแข็งที่สำคัญของ CHORD ก็คือพวกเค้าไม่ได้ใช้ชิป DAC จากผู้ผลิต Third Party แล้วนำมาออกแบบวงจรของตัวเองเหมือนกับค่ายอื่นๆ แต่พวกเค้าเลือกที่จะพัฒนาชิปขึ้นมาเองและมันก็เป็นสิ่งที่ทางค่ายเชี่ยวชาญเอามากๆ ดูได้จากผลิตภัณฑ์ของค่ายที่คว้ารางวัลมาอย่างมากมายเป็นตัวการันตีครับ
ชิปที่ CHORD ใช้จะเป็นแบบ FPGA ซึ่งในรุ่นที่พัฒนามาใหม่สำหรับ Mojo 2 พร้อมทั้งมี Crystal Oscillators ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้การแปลงสัญญาณอะนาลอคออกไปมีจะมีสัญญาณรบกวนน้อยลง เราจึงได้รายละเอียดเสียงที่ดียิ่งกว่าเดิมและยังให้รายละเอียดสูงสุดถึง 32Bit / 768kHz ครับ
- ออกแบบใหม่หมดจดแทบทุกส่วน
ตัวชิป FPGA รุ่นใหม่ยังมีหน้าดูแลการจัดการทรัพยากรของเครื่องให้ดียิ่งกว่าเดิม ทำให้การใช้พลังงานของแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวแบตเตอรี่ของ Mojo 2 เองก็ใหญ่กว่ารุ่นแรกอยู่แล้ว เมื่อจัดการระบบดีๆก็ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นครับ
ภายในของ Mojo 2 ยังมี WTA Filter ที่ประกอบด้วย DSP ถึง 40 core สามารถทำงานรวดเร็วชนิดที่ว่าเหนือกว่ายุทโธปกรณ์ทางการทหารซะอีก และมีส่วนสำคัญในการกรองสัญญาณรบกวนต่างให้หายไปได้อย่างหมดจด
นอกจากนี้ยังมีระบบ ‘UHD’ DSP ซึ่งจะเป็น Equalizer แบบพิเศษที่จะไม่คัลเลอร์สัญญาณต้นฉบับแต่ว่าจะปรับจูนเสียงให้เหมาะกับกับหูฟังแต่ละตัวหรือไฟล์เพลงแต่ละประเภทได้ครับ
การเชื่อมต่อที่ทำได้ดีเช่นเดิม
ส่วนของ Input และ Output ยังคงถอดแบบมาจากรุ่นแรกครับ ด้านดิจิตอลอินพุตยังคงรองรับทั้ง Micro-USB, Optical รวมถึง Coaxial ไว้เช่นเดิม ถือว่าเป็น DAC พกพาที่ให้อินพุตมาครบมากรุ่นนึงและยังทำให้ Mojo มี Desktop Mode ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเข้าไปอีก
ถ้ามีแต่พอร์ตเดิมๆเดี๋ยวจะหาว่าไม่อัพเกรด Mojo 2 จึงเพิ่มอินพุตแบบ USB-C เข้ามากทำให้ทันยุคทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทาง CHORD เองก็เคลมว่าด้วยการออกแบบระบบที่ดีทำให้ช่อง USB-C ของพวกเค้าทำงานได้ว่องไวกว่าปกติ เท่านั้นยังไม่พอเพราะแยกช่อง Micro-USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่แยกมาให้ด้วยครับ
ส่วนทางฝั่งเอาท์พุตก็ยังคง Headphone Output ขนาด 3.5mm. จำนวนสองช่องเอาไว้เช่นเดิมครับ แน่นอนว่ายังสามารถฟังพร้อมกันทั้งสองแชนแนลได้ ก็เหมาะสำหรับการแบ่งกันฟังกับผู้อื่น รวมถึงคนที่ชอบเทสหูฟังสองตัวแบบ A/B Test ก็สามารถสลับฟังทันทีเพื่อจับคาแรคเตอร์เสียงได้ง่ายๆครับ
ส่วนของกำลังขับก็ยังถือว่าเป็นแอมป์พกพาที่แรงเอาการ สามารถรองรับหูฟังได้ตั้งแต่ 4 โอห์มไปจนถึง 800 โอห์มเลยทีเดียว
เชื่อมต่อกับ POLY เพื่อปลดล็อค Mojo 2 ให้เป็นมากกว่า DAC
Mojo 2 ยังคงสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Steamer พกพาของค่ายอย่าง POLY เข้าไปได้เช่นเดิมครับ ซึ่งทำให้ Mojo 2 จะทำงานแบบไร้สายได้โดยที่มีคุณภาพเสียงสุดยอดเหมือนเดิม
ยอดเยี่ยมกว่าเดิมและเสริมต่อตำนานของ CHORD Mojo
จากที่หลายๆสำนักในต่างประเทศได้เริ่มทยอยรีวิวความสามารถของ CHORD Mojo 2 กันไปบ้างแล้วต่างก็ให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวว่าคุณภาพอัพเกรดจากรุ่นแรกไปมากเลยทีเดียว ขนาดว่ารุ่นแรกเองก็ทำได้ดีมากๆแล้ว แต่ถ้าได้เทส Mojo 2 ไปสักพักพอกลับไปฟังรุ่นออริจินอลจะสังเกตุถึงความต่างได้อย่างชัดเจน
สำหรับแฟนๆของ CHORD การทดลองเสียงของ Mojo 2 เป็นเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดเลยล่ะครับ