เครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-ject Audio VS Victrola ต่างกันยังไง?
มาครับ ชาวเทิร์นเทเบิลที่กำลังมองหาอาวุธคู่ใจเครื่องแรก วันนี้เราเอาเครื่องเล่นสองรุ่นที่น่าสนใจจากสองค่ายมาเทียบให้ดูกันระหว่าง Pro-ject Audio “Essential III” และ Victrola “Revolution GO” ที่ค่าตัวถือว่าอยู่ในพิกัดใกล้เคียงกัน แต่ว่าหน้าตาและฟังค์ชั่นเค้าต่างกันอย่างชัดเจน ไปดูกันเลยว่ารุ่นไหนจะถูกสเปคคุณมากกว่ากัน
Pro-ject Audio “Essential III” vs Victrola “Revolution GO”
ฟังอยู่บ้านหรือเป็นสายพกพา
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของทั้งสองรุ่นนี้เลยก็คือ Essential III เป็นเครื่องเล่นแบบปกติที่ออกแบบให้ใช้งานแบบตั้งโต๊ะปกติ แต่ Revolution GO ถูกออกแบบมาให้พกพาไปฟังนอกสถานที่ได้ครับ
สำหรับ Essential III ที่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงสไตล์พิมพ์นิยม ถ้าเซ็ทอัพแล้วก็ไม่ควรเคลื่อนย้ายไปไหน เพราะจะทำให้เสียงเปลี่ยนแน่นอน แต่สำหรับ Revolution GO คุณจะเอาไว้ฟังอยู่บ้านก็ได้ หรือจะพกติดตัวไปฟังยามปาร์ตี้นอกสถานที่ก็ได้ มีลำโพงมาให้ในตัว จะใช้เป็นลำโพงบลูทูธอย่างเดียวก็ยังได้
ภาค Output
มีจุดนึงที่ทั้งสองรุ่นนี้เหมือนกันก็คือมีภาค Phono stage มาให้ในตัว จึงใช้งานได้สะดวกครับเพราะเราสามารถส่งสัญญาณไปฟังที่ลำโพง active หรือว่าแอมป์ได้เลยโดยไม่ต้องลงทุนหา Pre Phono มาเพิ่ม
แต่สำหรับ Revolution GO จะได้เปรียบกว่าเพราะนอกจากจะมีลำโพงในตัวแล้วยังมี Headphone output ให้ต่อหูฟังได้ด้วย หรือว่าจะส่งสัญญาณบลูทูธไปฟังที่ลำโพงภายนอกก็ยังได้ เป็นเทิร์นเทเบิลที่สารพัดประโยชน์ใช้ได้
ระบบของเครื่องเล่น
หัวใจหลักของ Revolution GO ออกแบบมาให้พกพา ฉะนั้นระบบเครื่องเล่นจะเป็นแบบ Direct Drive เพื่อความสะดวกในการทำงาน เราสามารถเลือกความเร็วในการเล่นได้ครบทั้ง 3 ระดับคือ 33 1/3, 45 และ 78 RPM ส่วนหัวเข็มจะเป็นของ AUDIO TECHNICA รุ่น AT-3600LA ถือว่าเป็นมาตราฐานที่ดีมากสำหรับรุ่นเริ่มต้นครับ
ใครที่ซีเรียสกับอุปกรณ์ อยากได้เครื่องเล่นคุณภาพสูงๆเลย Essential III จะได้เปรียบกว่าครับ เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องการพกพาจึงมาเน้นที่อุปกรณ์หลักๆได้อย่างเต็มที่ ระบบเครื่องเล่นเป็นแบบ Belt Drive ซึ่งทางเทคนิคมักจะให้คุณภาพเสียงที่กว่าแบบ Direct Drive เพราะมีการสั่นสะเทือนน้อยกว่า และยังใช้มอเตอร์ DC ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนได้มากขึ้นให้ความเร็วที่เสถียร บวกกับใช้ cartridge ของ Ortofon รุ่น OM10 ทำให้ Essential III เป็นเครื่องเล่นระดับเริ่มต้นที่ครบเครื่องเอามากๆ
การเซ็ทอัพและอัพเกรด
ข้อนี้ต้องยกให้ Essential III เค้าครับ การปรับแต่งต่างๆ อย่างเช่นปรับโทนอาร์มหรือตั้งค่า Anti-Skating จะทำได้ละเอียด ใครที่ต้องการรีดประสิทธิภาพของเครื่องเล่นออกมาให้ได้เต็มที่รับรองว่าสนุกกับการปรับแต่งแน่ๆ หรืออยากจะอัพเกรดชุด cartridge ในอนาคตก็ทำได้ไม่ยาก
สำหรับ Revolution GO อาจจะปรับแต่งไม่ได้ละเอียดมากนัก ต้องใช้เซ็ทอัพจากโรงงานเป็นหลัก ข้อดีก็คือง่ายสำหรับมือใหม่ที่เน้นใช้งานอย่างเดียว แต่ข้อเสียก็คือถ้าเราอยากจะเปลี่ยน cartridge เป็นรุ่นอื่นก็จะทำให้ fine tune ระบบไม่ได้ ซึ่งทำให้คุณภาพเสียงอาจไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ในกรณีที่ cartidge เสียหายก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นรุ่นเดิมเพื่อให้ประสิทธิภาพเหมือนค่าที่มาจากโรงงานครับ
Pro-ject Audio “Essential III” vs Victrola “Revolution GO”
ถึงค่าตัวของทั้งสองรุ่นจะไม่ได้หนีจากกันมากนัก แต่ถ้าคุณวางแผนว่าน่าจะจริงจังกับวงการแผ่นเสียงแน่ๆ ต้องการเครื่องเล่นที่เสียงดีและสามารถเรียนรู้เรื่องการปรับแต่งได้ละเอียด เราก็เชียร์ Project Audio Essential III แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น
กลับกันถ้าคุณเป็นยูสเซอร์ที่เน้นใช้งานเพื่อความบันเทิง ไม่อยากปวดหัวตั้งค่าต่างๆ อยากแกะกล่องออกมาพร้อมฟังเพลงเลย Victrola Revolution GO ก็เป็นเครื่องเล่นระดับเริ่มต้นที่ดีไม่แพ้ใครครับ แถมข้อได้เปรียบคือใช้งานได้หลากหลายรูปแบบอีกต่างหากครับ