Edifier WH950NB หูฟัง Wireless สเปคเทพในราคาที่คุณเป็นเจ้าของได้

Edifier ปล่อยหูฟังมาแต่ละทีสามารถสร้างความฮือฮาได้เป็นอย่างดีครับ อย่างรุ่น Stax Spirit S3 ที่ผ่านมาก็ได้รับคำชมเรื่องคุณภาพเสียงไปเต็มๆ สำหรับรุ่นล่าสุดอย่าง WH950NB ก็น่าจะได้ใจผู้ใช้แบบไม่น้อยหน้ากันครับ เพราะดูจากสเปคที่ให้มาแล้วอัดแน่นตอบโจทย์ Hi-Res มากๆ สวนทางกับราคาที่น่ารักกว่าคู่แข่งพอสมควรเลยทีเดียว

Edifier WH950NB : Wireless Noise Cancellation Headphones

HIGHLIGHT

• ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC บวกกับ Ambient Sound Mode
• ได้รับมาตราฐาน Hi-Res Wireless certification พร้อมรองรับ LDAC
• ใช้ไดรเวอร์ไดนามิคขนาด 40mm.
• สามารถปรับแต่ง EQ หรือโหมดการฟังเพลงได้ผ่าน Edifier Connect APP
• ไมค์โครโฟน Advanced 4-Mic ENC ให้เสียงพูดคมชัด
• ฟังเพลงได้ยาวนานสูงสุด 55 ชั่วโมง และมีระบบ Fast Charge
• รองรับ Google Fast Pair สำหรับผู้ใช้ Android

Over-Ear Wireless พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน

หน้าตาของ Edifier WH950NB ถือว่าอยู่ในพิมพ์นิยมของหูฟังทรงโมเดิร์นในปัจจุบันครับ ดูเรียบง่าย แต่ก็สวยงามและทันสมัย งานออกแบบมี DNA ที่คล้ายคลึงกับ Spirit Stax S3 ที่เป็นหูฟังร่วมค่าย สำหรับ WH950NB จะมีสองสีให้เลือกระหว่างดำและขาวด้วยครับ

พูดถึงจุดขายสำคัญของเค้าเลยดีกว่า WH950NB ชูโรงด้วยเรื่องของระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC ดูจากรายละเอียดที่ให้มาแล้วสามารถทำงานแบบ Adaptive ได้ด้วย คือสามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนได้ตามสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ เป็นฟังค์ชั่นที่เริ่มจะเป็นมาตราฐานของหูฟัง ANC ทุกวันนี้ไปซะแล้ว

นอกจากตัดเสียงรบกวนได้แล้วก็ยังมีโหมด Ambient Sound ที่ปล่อยให้เราได้ยินเสียงรอบตัวได้ รวมถึงมีโหมด Wind Reduction ที่มีประสิทธิภาพถ้าเราใช้งานกลางแจ้งแล้วเจอลมแรงๆจะสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีครับ

มาตราฐาน Hi-Res Audio มาจากโรงงาน

เรื่องคุณภาพเสียงก็เป็นอีกจุดขายของ WH950NB เช่นเดียวกันครับ ซึ่งก็มาจากการใช้ระบบไดรเวอร์ไดนามิคที่มีขนาดถึง 40mm. พร้อมไดอะแฟรมที่ทำจาก composite titanium ให้การตอบสนองความความถี่ที่เป็นธรรมชาติและบาลานซ์ทุกย่านความถี่ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

ในด้านการทำงานแบบไร้สาย WH950NB ทำงานภายใต้ Bluetooth 5.3 รองรับ codec LDAC ด้วย และทางทีมงานของ Edifier ปรับจูนหูฟังให้ตอบสนองความถี่ไปได้ไกลถึง 40kHz เลยทีเดียว ทำให้ WH950NB ได้รับมาตราฐาน Hi-Res Wireless Audio แปะป้ายทันทีที่ออกมาจากโรงงานครับ

คุยโทรศัพท์ก็ดี เชื่อมต่อคล่องตัว

ไมค์โครโฟนที่ติดตั้งมาเพื่อใช้งานโทรศัพท์ก็เจ๋งไม่น้อยหน้าใครครับ ภายในหูฟังมีไมค์ติดตั้งอยู่ถึง 4 ตัวและจะทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์เพื่อการตัดเสียงรบกวนอื่นๆออกไป ทำให้เวลาใช้งานโทรศัพท์เสียงพูดของเราจะคมชัดระดับ HD อยู่ตลอดเวลา

WH950NB ยังสามารถใช้งานแบบ Dual-Device Connection หรือเชื่อมต่อสองอุปกรณ์ได้พร้อมกันครับ เราสามารถสลับอุปกรณ์ไปมาได้ทันทีด้วยซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากประสิทธิภาพของ BT 5.3 นั่นเอง ที่ดีมากๆก็คือหูฟังยังสามารถเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณได้ด้วย

สำหรับชาว Android ตัวหูฟังยังรองรับ Google Fast Pair สามารถเชื่อมต่อหูฟังได้ทันทีด้วยการแตะแค่ทีเดียวครับ

เข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆผ่าน Edifier Connect APP

ถ้าอยากจะใช้งานทุกฟีเจอร์ที่แถมมากับ WH950NB ก็จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับแอพ Edifier Connect ครับ ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆดังนี้

• Listening Mode : จะมีโหมดเสียงหลักๆสามโหมดได้แก่ Music, Game และ Theatre ให้เลือกใช้ (สามารถเลือกจากปุ่ม multi-function ได้เช่นเดียวกัน)

• Shutdown Timer : ตั้งเวลาปิดเครื่องให้กับหูฟังได้

• Customize EQ setting : ปรับแต่ง EQ ตามสไตล์ดนตรีที่คุณชอบฟัง

• Safe Listening Enabled : ระบบป้องกันไม่ให้เสียงดังเกิน 85dB ช่วยปกป้องหูเราได้เวลาที่ฟังเพลงแบบแรนด้อมไม่ให้อยู่เสียงดังโดดออกมา

ใส่สบายพกสะดวก

WH950NB ใส่สบายหายห่วงครับ ตัวเอียร์ภายในทำมาจากเมมโมรี่โฟมแล้วหุ้มด้วยหนังเทียมแบบ soft protein leather อีกทีนึง ให้สัมผัสที่ดี บวกด้วยความนุ่มสบายและยังดีต่อการซีลป้องกันเสียงรบกวนด้วยครับ

ตัวหูฟังสามารถพับเก็บได้จนมีขนาดค่อนข้างเล็กทำให้เป็นหูฟังที่สะดวกในการพกพาด้วยครับ

ฟังเพลงแบบจุกๆไปเลย 55 ชั่วโมง

แบตเตอรี่ที่ให้มาทำให้เราฟังเพลงต่อเนื่องได้ถึง 55 ชั่วโมงในกรณีที่ปิดโหมด ANC แต่ถึงแม้เราจะใช้งานโหมด ANC ตลอดเวลาก็ยังฟังเพลงได้ยาวถึง 34 ชั่วโมงอยู่ดี หรือถ้าเผลอฟังเพลินจนลืมชาร์จก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีระบบ Fast Charge มาให้ด้วย เสียบสายชาร์จแค่ 10 นาทีใช้งานต่อได้เลยอีก 7 ชั่วโมง

---

Edifier WH950NB

เป็นไงกันบ้างครับพอเห็นรายละเอียดของ Edifier WH950NB กันแล้ว ถือว่าเป็นหูฟังที่สเปคน่าสนใจมากๆเลย เทียบเคียงกับเรือธงของหูฟังไฮเอนด์หลายๆค่ายได้สบาย แต่ราคาที่ถูกกว่าเกือบครึ่งทำให้ WH950NB ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ใครมองหาหูฟัง Wireless Over-Ear อยู่ไม่น่าพลาดครับ