FiiO FD3 vs FD3 PRO อินเอียร์ระดับเรือธงเบสหนึบ
FiiO ส่งหูฟัง universal in-ear monitor รุ่นใหม่ลงสู่สนาม 2 รุ่นด้วยกันครับ นั่นคือ FiiO FD3 และ FD3 PRO ทั้งคู่โดดเด่นด้วยระบบไดรเวอร์ DLC dynamic driver ขนาด 12 มิลลิเมตร และดีไซน์หูฟังแบบ semi-open design ทำให้ได้น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติและซาวด์เสตจที่กว้างขวางมากๆครับ
FiiO FD3 Pro & FD3 PRO
จุดเด่น
- หูฟัง Dynamic Driver รุ่นล่าสุด ขนาด 12mm แบบ DLC (Diamond Like Carbon) diaphragm
- ระบบไดรเวอร์สนามแม่เหล็กแรงสูง Tesla magnetic flux
- ดีไซน์แบบ Semi-Open Acoustic ช่วยระบายแรงดันและช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
- มีระบบ Acoustic Prism แบบรุ่นเรือธงช่วยลดปัญหาเรื่อง Phase
- มีระบบ Sound Tube ที่สามารถถอดเปลี่ยนเพื่อปรับโทนเสียงได้
- ตอบสนองย่านความถี่ 10Hz – 40kHz รองรับ Hi-Res Audio
- *ในรุ่น Pro จะมาพร้อมสายอัพเกรดที่สามารถถอดเปลี่ยนหัวแจ็คได้ทั้งแบบ Single-Ended และ Balanced
Universal In-Ear ดีไซน์สวย
ดีไซน์ของ FD3 และ FD3 PRO สวยงามสะดุดตาใช้ได้เลยครับ น่าจะถูกใจคนชอบหูฟังที่ทำจากโลหะ ส่วนของ shell นั้นทำจาก aluminum-magnesium alloy และยังเคลือบด้วย film-coated glass 2.5D อีกชั้นนึง ทำให้ดูเงางามมากๆครับ
หูฟังรุ่นนี้ใช้ขั้วต่อแบบ MMCX ครับ ที่ขั้วต่อหูฟังจะมีวงแหวนสีแดงและสีนำ้เงินช่วยแบ่งแยกหูฟังด้านซ้ายและขวา ส่วนวิธีการใส่ก็จะเป็นแบบคล้องหูครับ
เทคโนโลยีใหม่ๆปรับปรุงให้ FD3
Driver
FiiO FD3 และ FD3 PRO ใช้ไดรเวอร์แบบไดนามิคขนาด 12 มิลลิเมตร ด้วยวัสดุแบบ DLC หรือ Diamond-like Carbon สามารถลดปัญหาดิสทอร์ชั่นและตอบสนอง Trasient ของเสียงได้เป็นอย่างดี
ระบบไดรเวอร์จะถูกขับเคลื่อนด้วยสนามแม่เหล็กแรงสูง Tesla magnetic flux ส่วนของ Voice Coil ทำจาก ทำจาก Copper-Clad Aluminum จากประเทศญี่ปุ่นทำให้มีการตอบสนองได้อย่างว่องไวครับ
Acoustic Design
ที่น่าสนใจมากๆก็คือการออกแบบภายในหูฟังให้มีการตอบสนองต่อสัญญาณเสียงให้ดีเช่นเดียวกันครับ
เริ่มด้วยระบบ acoustic prism ที่ถอดแบบมาจากหูฟังรุ่นพี่อย่าง FD5 ซึ่งจะช่วยควบคุมเรื่อง phase และลด standing waves ที่เกิดขึ้นในย่านความถี่สูง ทำให้คุณภาพเสียงโดยรวมดียิ่งขึ้น
ดีไซน์แบบ semi-open back ช่วยระบายแรงดันภายในช่องหูของเรา ช่วยให้ใช้งานได้สบายยิ่งขึ้น และยังส่งผลต่อโทนเสียงของหูฟังที่มีความเป็นธรรมชาติ ให้เสียงในทุกย่านความถี่สมดุลกันครับ
Replaceable Sound Tube
อีกจุดเด่นที่ถอดแบบมาจากพี่ใหญ่ FD5 นั่นก็ระบบ Sound Tube ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ครับ ซึ่งจะส่งผลต่อโทนเสียงโดยตรงครับ โดยจะมี 2 แบบมาให้เลือกใช้
แบบแรกสีดำ ด้านในจะเป็นท่อขนาดใหญ่สามารถตอบสนองเสียงแหลมได้ดี
แบบสองสีแดง ด้านในจะเป็นท่อขนาดเล็กซึ่งจะตอบสนองเบสได้ดีกว่าครับ
ต่างกันที่สายสัญญาณ
FiiO FD3 และ FD3 PRO จะมีความแตกต่างกันที่สายสัญญาณที่แถมมาให้ครับ นอกจากสเปคของสายแล้วลักษณะของหัวแจ็คที่ใช้ก็ยังต่างกันด้วยครับ
FiiO FD3
สำหรับ FD3 จะใช้สายสัญญาณทำจากทองแดงความบริสุทธิ์สูง Monocrystalline ถัก 4 เส้น 120 แกน พร้อมหัวแจ็ค Single-Ended ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
FiiO FD3 PRO
รุ่น PRO จะพิเศษยิ่งขึ้นครับด้วยสายสัญญาณแบบเงินเคลือบทองแดงความบริสุทธิ์สูง Monocrystalline ถัก 8 เส้น 152 แกนแบบ Litz Type 2 นอกจากนั้นหัวแจ็คยังสามารถถอดเปลี่ยนได้อีก ทำให้หูฟังรองรับทั้ง Single-Ended 3.5 มิลลิเมตรและ Balanced ขนาด 2.5 และ 4.4 มิลลิเมตรครับ
หูฟังเพื่อ Hi-Res Audio
ทั้ง FiiO FD3 และ FD3 PRO ได้รับมาตราฐาน Hi-Res Audio ด้วยความสามารถในการตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 10Hz ไปจนถึง 40kHz จัดว่าสูงมากๆครับ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงแบบรายละเอียดสูงหูฟังทั้งสองรุ่นตอบสนองได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ ด้วยโทนเสียงที่มีความบาลานซ์ ให้รายละเอียดได้ดีในทุกย่านความถี่รวมถึงซาวด์สเตจอันกว้างขวางซึ่งเป็นจุดเด่นของทั้งคู่ครับ