FiiO M15 VS FiiO M11 Pro เทียบกันชัดๆ DAP พี่ DAP น้อง

มาเปรียบมวย DAP ร่วมค่าย FiiO ระหว่างคู่พี่น้องรุ่นทูท็อปอย่าง M15 และ M11 Pro กันบ้างดีกว่าครับ เพราะทั้ง 2 รุ่นถือว่าเป็น DAP คุณภาพสูงที่น่าใช้งานทั้งคู่ แต่ว่าจะตัดสินใจเลือกรุ่นไหนดีระหว่างรุ่นท็อปและรุ่นรองท็อปงานนี้คงต้องไปดูรายละเอียดเพื่อเปรียบเทียบกันซักหน่อยล่ะครับ

FiiO M15 VS FiiO M11 Pro

• เปรียบเทียบขุมพลัง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

FiiO M15 : Samsung Exynos 7872 Hexa-core (6 core) / Ram 3 GB Rom 64 GB เพิ่มหน่วยความจำได้ 2TB

FiiO M11 Pro : Samsung Exynos 7872 Hexa-core (6 core) / Ram 3 GB Rom 64 GB เพิ่มหน่วยความจำได้ 2TB

ส่วนของขุมพลังที่เป็นเหมือนสมองของเครื่องถือว่าเสมอกันไปในยกแรกนี้ครับ เพราะใช้สเปค CPU และหน่วยความจำเท่ากันเป๊ะๆ เรื่องความแรงหายห่วงทั้ง 2 รุ่น

• เปรียบเทียบภาคคอนเวอร์เตอร์

FiiO M15 : DAC AK4499 2 ตัว / Dual  Crystal Oscillators / ชิป FPGA Clock รุ่นที่ 3

FiiO M11 Pro : DAC AK4497EQ 2 ตัว / Dual  Crystal Oscillators / ชิป FPGA Clock

ภาค DAC นั้นแน่นอนว่าพี่ใหญ่อย่าง M15 เอาไปกินครับงานนี้ เพราะใช้ชิป DAC รุ่นที่สูงกว่า พร้อมกับระบบ Clock ที่ทันสมัยกว่าคุณภาพเสียงจึงดีขึ้นไปอีกขั้น และด้วยความที่เป็นพี่ใหญ่สุดของค่าย M15 ยังมีการเชื่อมต่อวงจรที่ละเอียดและติดตั้งฉนวนไว้มากกว่าเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนให้น้อยที่สุด รวมไปถึงอุปกรณ์ทุกอย่างก็เป็น Audiophile Grade ระดับท็อปทั้งหมดครับ

• เปรียบเทียบขนาดหน้าจอ

FiiO M15 : หน้าจอ Corning Gorilla Glass 5.15 inch ความละเอียด 1440 x 770 ให้สีสัน 16.7 ล้านสี

FiiO M11 Pro : หน้าจอ Corning Gorilla Glass 5.15 inch ความละเอียด 1440 x 770 ให้สีสัน 16.7 ล้านสี

หน้าจอใหญ่สะใจทั้ง 2 รุ่นครับ  ให้รายละเอียดภาพได้เยอะและแสดงสีสันได้ครบถ้วน แถมยังเป็นหน้าจอกอริลล่ากลาสป้องกันรอยขีดข่วนด้วยครับ ในหัวข้อนี้ก็ถือว่าเสมอกันไปครับ

• เปรียบเทียบการเชื่อมต่อ

FiiO M15 : 3.5mm Single-End 2.5mm and 4.4mm Balanced / Bluetooth & Wi-Fi Support

FiiO M11 Pro : 3.5mm Single-End 2.5mm and 4.4mm Balanced / Bluetooth & Wi-Fi Support / Coaxial output

ต้องบอกว่าสูสีกันมากเลยทีเดียวสำหรับหัวข้อนี้ ในส่วนของ Headphone output และ การเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้นทำได้เท่าเทียมกันเลยครับ เพียงแต่ว่ารุ่นน้องอย่าง M11 Pro ได้เพิ่มเอาท์พุตแบบ Coaxial ไว้รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกด้วยระบบดิจิตอลด้วย จะแปลงไปเป็น Coaxial, Optical หรือ SPDIF ก็ได้หมดเลยครับ ทำให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานของ M11 Pro นั้นดีกว่าเล็กน้อย

นอกจากนั้นทั้งคู่ยังสามารถทำหน้าที่เป็น USB DAC เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วยครับ

• เปรียบเทียบแบตเตอรี่

FiiO M15 : 7,490 mAh ใช้งานต่อเนื่องได้ 15 ชั่วโมงและสแตนด์บายได้ถึง 1,800 ชั่วโมง

FiiO M11 Pro : 4,370 mAh ใช้งานต่อเนื่องได้ 9.5 ชั่วโมงและสแตนด์บายได้ถึง 1,320 ชั่วโมง

ในหัวข้อพลังงานนั้น M15 สามารถชนะได้อย่างขาดลอยครับ ด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว ทำให้มีชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานกว่าอย่างเห็นได้ชัด ใครที่ไม่ชอบชาร์จแบตบ่อยๆก็ต้องเก็บเอาหัวข้อนี้ไว้ใช้พิจารณาด้วยนะครับ

• เปรียบเทียบ MQA Support

FiiO M15 : MQA 8x Decoding

FiiO M11 Pro : MQA 8x Decoding

ความสามารถในการรองรับ MQA นั้นเสมอกันไปนะครับ โดยสามารถถอดรหัส MQA ได้ถึง 8x เท่ากัน ถือว่าเป็นฟังค์ชั่นที่จำเป็นมากๆสำหรับ DAP ในสมัยนี้ครับ

• เปรียบเทียบข้อแตกต่าง

FiiO M15 : มี Android และ Pure Music Mode ให้เลือกใช้

FiiO M11 Pro : Amplifier ได้รับมาตราฐาน THX AAA

ส่วนสุดท้ายจะเป็นจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของทั้ง 2 รุ่นนะครับ เริ่มกันที่ M15 นั้นจะมีโหมด Android และ Pure Music มาหใ้เลือกใช้งาน โดย Android นั้นจะเหมาะสำหรับการใช้งานฟังเพลงออนไลน์ผ่านแอพสตรีมมิ่งหรือใช้โยกย้ายเพลงผ่านระบบ Wi-Fi ครับ ส่วนโหมด Pure Music นั้นจะเหมาะสำหรับเวลาฟังเพลงที่เราต้องการรีดประสิทธิภาพของเครื่องถึงขีดสุด

ส่วน M11 Pro นั้นก็มีทีเด็ดอย่างภาค Amplifier ที่ได้รับมาตราฐาน Balanced ของ THX ครับ โดยเป็นการใช้ op-amp และการออกแบบวงจรที่เป็นมาตราฐานของ THX ทำให้ได้เอาท์พุตที่มีกำลังขับสูง ในขณะเดียวกันก็มีสัญญาณรบกวนที่ต่ำอีกด้วยครับ

สรุป

ถ้าเปรียบเทียบเฉพาะคุณภาพเสียงเพียวๆแน่นอนว่าพี่ใหญ่เรือธงอย่าง M15 คงคว้ารางรัลไปครอง เพราะทุกชิ้นส่วนถูกออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงที่ต้องการประสิทธิภาพของ DAP ที่สุดยอดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภาค DAC การเลือกใช้อุปกรณ์ทุกอย่างรวมไปถึงโหมดที่แยกเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ ถ้าต้องการความเป็นที่สุดเรื่องเสียงก็ต้อง FiiO M15 เท่านั้นครับ

ส่วนของ M11 Pro นั้นด้วยการถูกจัดวางตำแหน่งให้เป็นน้องรองจึงแทนที่คุณภาพเสียงด้วยฟังค์ชั่นการใช้งานที่อัดแน่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นความหยืดหยุ่นในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก ระบบรีโมทคอนโทรลจากสมาร์ทโฟน หรือ EQ Preset ที่เพิ่มมาให้เลือก ก็ต้องชั่งใจล่ะครับว่าระหว่างคุณภาพเสียงกับความหลากหลายในการใช้งานอะไรจะเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากกว่ากันครับ