FitEar EST UIEM vs DUNU EST 112 หูฟัง Electrostatic ใหม่สุดมิติล้ำ
อย่างที่รู้กันว่าไดรเวอร์แบบ Electrostatic เป็นไดรเวอร์ที่ตอบสนองต่อรายละเอียดเสียงโดยเฉพาะในย่านเสียงกลางไปจนถึงเสียงแหลมได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้หลายๆค่ายเริ่มนำไดรเวอร์ Electrostatic มาพัฒนาหูฟัง IEM กันมากขึ้นครับ ถ้าอยากสัมผัสคุณภาพเสียงที่ได้จากไดรเวอร์ชนิดนี้ก็มีหูฟังจากค่าย FitEar และ DUNU ออกมาให้สัมผัสกันครับ ลองไปดูรายละเอียดของหูฟังทั้งคู่กันได้เลยครับ
FitEar EST Hybrid IEM
จุดเด่น
- ไดรเวอร์แบบ Hybrid ระหว่าง Electrostatic และ Balance Armature
- บอดี้ขึ้นรูปด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ดีไซน์แบบ Short Leg Shell ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของไดรเวอร์ สามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ดี
- สายเคเบิลแบบถอดได้ ใช้ขั้วแบบ 2-pin คุณภาพสูง
- สายอัพเกรด FitEar Cable รุ่น 013 ใช้หัวแจ็คขนาด 3.5 มม.
- มาพร้อม Hardcase จาก Pelican
DUNU EST 112 Hybrid IEM
จุดเด่น
- ไดรเวอร์ Dynamic รุ่นที่ 3 ขนาด 13.5mm เคลือบ Beryllium 1 ตัว
- ไดรเวอร์ Balance Armature จากค่าย Knowles ที่ปรับแต่งพิเศษ 1 ตัว
- ไดรเวอร์ Electrostatic “Son ion” Dual Electrostatic Super Tweeter 2 ตัว
- สายสัญญาณชุบเงิน Monocrystalline ความบริสุทธิ์สูง
- สามารถถอดเปลี่ยนหัวแจ็คได้โดยมาพร้อมแจ็คขนาด 4.4 mm Balanced TRRRS / 2.5 mm Balanced TRRS / 3.5 mm Single-End TRS
- บอดี้ทำจากอลูมิเนียมอัลลอย และ Faceplates ทำจากสแตนเลสสตีล
ดีไซน์สวยงามตามสไตล์หูฟัง UIEM
ด้านดีไซน์ของทั้งคู่จัดว่ากินกันไม่ลงหรือแล้วแต่ความชอบครับ ทาง FitEar จะออกสไตล์หูฟัง Universal ที่จะมีความคล้ายคลีงกับหูฟัง Custom อยู่บ้าง ส่วนน้องใหม่อย่าง DUNU ก็จะออกแนวโมเดิร์นถูกใจวัยรุ่น
ทางด้านแนวคิดในการออกแบบบอดี้หูฟังนั้นทาง FitEar จะดูล้ำมากกว่าครับ เพราะมีการออกแบบบอดี้ที่ชื่อว่า Short Leg Shell ครับ ซึ่งมาจากการที่ไม่ต้องสร้างช่องระบายอากาศบนตัวหูฟังแต่ปรับส่วนของก้านท่อนำเสียงให้สั้นลงกว่าปกติ ซึ่งข้อดีของดีไซน์แบบนี้ก็คือการตอบสนองของไดรเวอร์ที่ทำได้ดีขึ้น แต่ยังสามารถป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้เหมือนเดิมครับ ส่วนของการขึ้นรูปบอดี้ก็ใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติเข้ามาช่วยอีกด้วยครับ
ถัดมาที่ DUNU กันบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีรูปแบบหรือเทคโนโลยีที่หวือหวา แต่บอดี้ก็ทำมาจากอะลูมิเนียมที่ใช้กระบวนการ Gunmetal Anodize ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน นอกจากนั้นยังเพิ่มความสวยงามของหูฟังด้วย Faceplates ที่ทำจากสแตนเลสสตีลที่มีโลโก้ของ DUNU อยู่ด้วยครับ
ระบบไดรเวอร์ Hybrid ที่มี Electrostatic เป็นพระเอก
จุดเด่นของหูฟังทั้งคู่คงไม่พ้นไดรเวอร์แบบ Electrostatic ที่เป็นตัวชูโรงครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นระบบไดรเวอร์แบบผสม (Hybrid) เหมือนกันทั้งคู่แต่ก็การจัดวางไดรเวอร์ที่ต่างกันออกไปครับ
- FitEar EST : 1 Balanced Armature / 1 Electrostatic
- DUNU EST 112 : 1 Dynamic / 1 Balanced Armature / 2 Electrostatic
สำหรับ FitEar EST จะใช้ไดรเวอร์ผสมแค่เพียง 2 ชนิดเท่านั้นครับ โดยจะใช้ไดรเวอร์ Balance Armature คุมภาพรวมของเสียงทั้งหมดและนำไดรเวอร์ Electrostatic มาดูแลในส่วนของ High Frequency ครับ
ส่วนของ DUNU EST 112 จะเป็นระบบไฮบริดที่ใช้ไดรเวอร์ถึง 3 ชนิด คือนอกจาก Balance Armature และ Electrostatic ถึง 2 ตัวแล้ว ก็ยังมีไดรเวอร์ Dynamic มาช่วยควบคุมย่านความถี่ต่ำเพิ่ม
สายสัญญาณคุณภาพสูงและลูกเล่นในการถอดเปลี่ยนหัวแจ๊ค
- FitEar EST : FitEar cable 013 (3.5 mm stereo mini plug)
- DUNU EST 112 : Quick-Switch System
สายสัญญาณของ FitEar EST เป็นสายอัพเกรดระดับท็อปที่ประสิทธิภาพสูงมากๆครับ นั่นก็คือสาย FitEar Cable รุ่น 013 โดยจะใช้ขั้วต่อเข้ากับหูฟังแบบ 2-pin ส่วนของหัวแจ็คจะเป็นขนาด 3.5mm ชุบทอง ความคุ้มค่านั้นบอกได้เลยว่าสุดๆครับ
ส่วนของ DUNU EST 112 อาจจะไม่ได้มีสายอัพเกรดระดับสูงเท่า แต่ก็มีทีเด็ดอย่างระบบ Quick Switch ที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ เพราะสามารถให้เราถอดสลับเปลี่ยนหัวแจ็คได้อย่างอิสระ โดยในชุดจะมีหัวแจ็คมาให้เลือกใช้ถึง 3 แบบครับ
- หัวแจ็ค 4.4 mm Balanced TRRRS
- หัวแจ็ค 2.5 mm Balanced TRRS
- หัวแจ็ค 3.5 mm Single-End TRS
ทั้งสองรุ่นจัดว่าเป็นหูฟังระดับพรีเมี่ยมที่มีเทคโนโลยีอัพเดทมากๆครับ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบน้ำเสียงหรืออยากทดสอบประสิทธิภาพจากไดรเวอร์ Electrostatic ในหูฟัง In-Ear Monitor ล่ะก็ ทั้งคู่จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีครับ