FitEar MH335DW vs To Go 335 จะคัสต้อมหรือไม่ต้อมดี?
จัดว่าเป็นหูฟังระดับท็อปประจำค่ายทั้งคู่สำหรับ FitEar MH335DW และ FitEar To Go 335 จุดแตกต่างหลักๆของทั้ง 2 รุ่นแน่นอนว่าเป็นเรื่องของ Custom และ Universal ดีไซน์ แต่จริงๆแล้วยังมีรายละเอียดปลีกย่อยสำคัญ ที่ทำให้เราต้องขบคิดว่าระหว่าง 2 รุ่นนี้ รุ่นไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุดครับ
FitEar MH335DW Professional CIEM
จุดเด่น
- หูฟัง Custom in-ear monitor ระบบ 5 ไดรเวอร์
- ไดรเวอร์ Balanced Armature แบ่งเป็น 2 Low / 2 Low-Mid / 1 High
- มาพร้อมสายสัญญาณรุ่น FitEar Cable 006
- ตอบสนองรายละเอียดเสียงได้แม่นยำ เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับงานระดับมืออาชีพ
FitEar TOGO 335 Professional UIEM
จุดเด่น
- หูฟัง Universal in-ear monitor ระบบ 5 ไดรเวอร์
- ไดรเวอร์ Balanced Armature แบ่งเป็น 2 Low / 2 Low-Mid / 1 High
- มาพร้อมสายสัญญาณรุ่น FitEar Cable 013
- มีระบบท่อนำเสียงแบบวงรีรูปไข่ 3 ทาง และท่อ HF ทำจากไทเทเนียมบริสุทธิ์ รองรับย่านเสียงแหลมโดยเฉพาะ
ได้เห็นจุดเด่นหลักๆของหูฟังทั้ง 2 รุ่นกันไปแล้ว ทีนี้เราลองมาดูข้อแตกต่างที่ต้องตัดสินใจให้ดี ว่าเราจะเลือกไปรุ่นคัสตอมอย่าง MH335DW หรือรุ่นยูนิเวอร์แซลอย่าง ToGo 335 กันดีครับ
1. ความฟิตเป็นเหตุสังเกตได้
จั่วหัวข้อนี้มาทุกคนก็คงจะคิดว่าถ้าอยากได้หูฟังที่ฟิตพอดีกับหูเรา 100% ก็ไปรุ่นคัสตอมอย่าง MH335DW ซะเลยก็หมดเรื่องจริงมั้ยครับ ซึ่งก็ถือว่าถูกไปกว่าครึ่งครับ เพราะธรรมชาติของหูฟังคัสต้อมนั้นออกแบบมาเพื่อช่องหูเราโดยตรง ความพอดี ความกระชับนั้นย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว
แต่สำหรับ ToGo 335 นั้นก็เป็นหูฟังที่ทาง FitEar พิถีพิถันในการออกแบบ โดยทำการวิจัยตัวต้นแบบจากช่องหูคนจำนวนมาก เพื่อหาขนาดของหูฟังอินเอียร์ที่ทุกคนสามารถใส่ได้สบาย ฉะนั้นถ้ามาทดลองฟังรุ่น ToGo 335 แล้วสามารถใส่ได้สบายๆ ไม่อึดอัด ไม่เจ็บหูล่ะก็ แสดงว่าคุณคงเกิดมาเป็นเนื้อคู่ตุนาหงันกับหูฟัง Universal รุ่นนี้เข้าแล้วล่ะครับ
แต่ถ้าใครอยากได้ความฟิตพอดีเปรี๊ยะ ระดับหูฟังที่เกิดมาเพื่อเราคนเดียวในโลกนี้เท่านั้น รุ่น Custom ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ
2. เทคโนโลยีภายใน
นอกจากระบบไดรเวอร์ที่เหมือนกันเป๊ะๆแล้ว ทั้ง 2 รุ่นจะมีความแตกต่างอีกเล็กน้อยอยู่ที่ระบบท่อนำเสียงครับ โดยในรุ่น MH335DW จะเป็นระบบท่อนำเสียงแบบ 3 ทางแยกการทำงานของระบบไดรเวอร์ของย่านความถี่สูง, กลาง และ ต่ำออกจากกัน
ส่วนในรุ่น ToGo 335 ที่พยายามนำดีไซน์แบบ Universal มาออกแบบให้ได้คุณภาพเสียงที่สูงสุด ทาง FitEar จึงเลือกออกแบบท่อนำเสียงให้เป็นรูปวงรี และแบ่งท่อนำเสียงออกเป็น 3 ทางเช่นเดียวกัน ทำให้แต่ละย่านเสียงทำงานได้แบบอิสระ การตอบสนองของทุกๆความถี่จะสมบูรณ์เหมือนกับรุ่นคัสตอมครับ แต่ ToGo 335 นั้นได้เพิ่มท่อนำเสียงของย่านเสียงแหลมที่เรียกว่า HF Tube โดยเฉพาะ ซึ่งท่อนี้ทำมาจากไทเทเนียมความบริสุทธิ์สูง เพื่อช่วยให้เสียงแหลมมีประสิทธิภาพดีกว่าหูฟัง Universal ทั่วๆไปครับ
สำหรับ MH335DW นั้นถ้าสั่งอัพเกรดเป็นุร่น SR หรือ Studio Reference ก็จะถูกโมดิฟายท่อนำเสียงให้เป็นไทเทเนียมเช่นเดียวกัน ทำให้ย่านเสียงกลางไปจนถึงเสียงแหลมนั้นมีการตอบสนองที่ดีกว่าเดิมหลายเท่าครับ
3. สายสัญญาณที่ต่างกัน
จุดแตกต่างอย่างสุดท้ายที่เห็นกันได้โต้งๆเลยก็คือสายสัญญาณที่ให้มาเป็นคนละรุ่นกันครับ
FitEar MH335DW : มาพร้อมสายสัญญาณ FitEar Cable 006 3.5 mm stereo mini plug
FiEar ToGo 335 : มาพร้อมสายสัญญาณ FitEar Cable 013 3.5 mm stereo mini plug
ถึงสายจะแตกต่างกัน แต่ต้องบอกว่าสายทั้ง 2 รุ่นถือว่าเป็นสายอัพเกรดคุณภาพสูงทั้งคู่ ไม่ใช่สายสต็อคที่แถมมาเหมือนหูฟังทั่วๆไป ถ้าซื้อเฉพาะสายแยกต่างหากก็ต้องจ่ายอีกร่วมหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะซื้อรุ่นไหนรับรองได้ว่าสายที่ให้มาสามารถใช้ได้ยาวๆทั้งคู่ครับ ถ้าจะหาสายอัพเกรดที่คุณภาพดีกว่าน่าจะต้องจ่ายอีกหลายหมื่นเลยทีเดียวครับ
ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่า FitEar รุ่นไหนที่เหมาะกับคุณล่ะก็ ลองมาทดลองหูฟัง Demo กันดูก่อนนะครับ รับประกันได้ว่าหูฟังตระกูล 335 ทั้งคู่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ รับประกันโดยเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกที่ชื่นชมถึงน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยม มีความบาลานซ์ของทุกความถี่ที่ยากจะหาคู่ต่อกรจริงๆครับ