Focal Clear MG VS Clear MG Professional ต่างกันอย่างไร?
Focal Clear MG และ Clear MG Professional สองหูฟังคู่แฝดตัวท็อปที่นอกจากสีสันแล้ว มองดูเผิดๆก็แทบจะแยกกันไม่ออกใช่มั้ยครับว่าทั้งสองเค้าต่างกันที่ตรงไหนบ้าง แถมราคาก็เท่ากันเป๊ะ วันนี้เราจะมาลองดูความแตกต่างในแต่ละจุดของหูฟังทั้ง 2 รุ่นดูกันเลยครับ จะได้รู้ว่าถ้าเราสนใจหูฟังซีรี่ส์นี้ขึ้นมารุ่นไหนกันแน่ที่จะเหมาะกับการใช้งานหรือสไตล์การฟังเพลงของเรามากที่สุดครับ
Focal Clear MG VS Clear MG Professional
สเปคที่เหมือนกัน
- หูฟังแบบ Circum-Aural Open Back
- ไดรเวอร์ Full-Range ขนาด 40mm แบบ M-Shaped ที่ใช้วัสดุใหม่อย่างแมกนีเซี่ยม
- Impedance 55 Ohms ใช้งานร่วมกับเพลเยอร์ Hi-Res ได้ทันที
- ตอบสนองความถี่ (Frequency Response) 5Hz – 28kHz
- ดีไซน์แบบ Honeycomb Grille
สเปคที่แตกต่างกัน
Focal Clear MG :
- สายเคเบิลมินิแจ็คยาว 1.2 เมตร พร้อมอะแดปเตอร์แจ็คขนาด 1/4” (6.35 มม.)
- สาย XLR แบบ 4 พินยาว 3 เมตร
Focal Clear MG Pro :
- สายเคเบิลมินิแจ็คยาว 1.2 เมตร หัวแจ็คขนาด 3.5mm TRS jack พร้อมอะแดปเตอร์ขนาด 1/4” (6.35 มม.)
- สายหูฟังแบบขดยาว 5 เมตร หัวแจ็คขนาด 6.35mm TRS jack
ดีไซน์ที่ถอดแบบกันมาเป๊ะๆ
ถ้าไม่นับเรื่องสีสันที่เป็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจนแล้ว หูฟังทั้ง 2 รุ่นถือว่าใช้การออกแบบที่เหมือนกันเป๊ะๆทุกระเบียบนิ้วครับ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายอันโดดเด่นของ Grille แบบหกเหลี่ยมหรือที่ทาง Focal เรียกว่า Honeycomb ที่ช่วยในเรื่องของอะคูสติคดีไซน์ ถัดมาก็จะเป็นเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่ต่างกันเลยครับ เช่น ก้านหูฟังอะลูมิเนียมที่เบาและแข็งแรง สามารถสวมใส่ได้สบายด้วย Headband หุ้มหนังและ Earpad ขนาดใหญ่ที่หุ้มด้วย Microfiber ช่วยในเรื่องการระบายอากาศเป็นอย่างดีด้วยครับ
ส่วนของหัวใจภายในอย่างไดรเวอร์ก็ยังถอดแบบมาเป๊ะๆเช่นเดียวกันนั่นคือ เทคโนโลยีไดรเวอร์แบบ M-Shape Dome ที่ Focal เปลี่ยนมาใช้วัสดุใหม่เป็นแมกนีเซี่ยมเต็มรูปแบบ เพราะว่ามีความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกับอะลูมิเนียมแต่มีน้ำหนักที่เบากว่า สามารถดัดแปลงรูปร่างหรือความหนาของไดอะแฟรมได้เยอะขึ้น ผลลัพธ์ทำให้หูฟังสามารถตอบสนองกับไดนามิคและรายละเอียดเสียงได้ดียิ่งขึ้นในทุกๆย่านความถี่ครับ
แถมอุปกรณ์มาให้ไม่เหมือนกัน
ถึงดีไซน์และระบบภายในจะไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ต่างกันชัวร์ๆคือเรื่องของออฟชั่นที่ให้มาครับ อย่งแรกจะเห็นได้เลยว่าประเภทของสายสัญญาณที่แถมมาให้นั้นจะไม่เหมือนกัน ถึงจะให้มาอย่างละ 2 ชุดเหมือนกัน แต่ประเภทของหัวแจ็คที่ใช้ก็ต่างกันสิ้นเชิง เป็นเพราะว่า Clear MG ถูกออกแบบให้ใช้กับอุปกรณ์อย่างเช่นเพลเยอร์ Hi-Res หรือแอมป์แบบเดสก์ทอปมากกว่าครับ ส่วน Clear MG Pro นั้นจะเน้นการเชื่อมต่อกับ Audio Interface หรือ แอมป์หูฟังที่ใช้ตามสตูดิโอซึ่งลักษณะคอนเน็คเตอร์จะต่างออกไป ก็ถือว่าทาง Focal เค้าคิดมาดีแล้วล่ะครับว่าลูกค้าที่เลือกหูฟังทั้งสองไปใช้ ต้องเจอกับอุปกรณ์แบบใดบ้าง
แต่สำหรับ Clear MG Pro นั้นน่าอิจฉากว่าเล็กน้อยเพราะมี Earpad สำรองให้อีกหนึ่งคู่ สงสัยคงคิดว่าจะโดนใช้งานหนักกว่าเลยแถมมาให้เผื่อไว้ก่อนนะครับ ฮ่าๆ
ส่วนเคสนั้นรูปทรงเหมือนกันเป๊ะ ต่างแค่สีเช่นเดียวกับตัวหูฟังเลยครับ
ความต่างสำคัญนั้นอยู่ที่เสียง
อ่านมาถึงหัวข้อที่แล้วบางท่านอาจจะสงสัยว่า นี่มันเหมือนกันหมดต่างแค่สีกับสายใช่รึเปล่าเนี่ย? ต้องขอบอกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ Clear MG ทั้ง 2 รุ่นต่างกันอย่างชัดเจนก็คือเรื่องของเสียงนั่นเองครับ
คาแรคเตอร์เสียงของทั้งคู่ถูกปรับจูนออกมาแตกต่างกันอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะใช้ไดรเวอร์ตัวเดียวกันก็ตาม เรียกว่าทาง Focal คิดค้นหูฟังซีรี่ส์นี้ขึ้นมาเพื่อเอาใจทั้งฝั่งคนฟังเพลงสาย Audiophile และผู้ที่ทำงาน Pro Audio มืออาชีพครับ ซึ่งคาแรคเตอร์เสียงจะแตกต่างกันดังนี้ครับ
Focal Clear MG : ให้ Low กำลังดี เสียงดนตรีจะมีความแน่นกระชับ ฟังเพลงสนุก ย่าน Mid ก็ชัดเจน สามารถเบลนด์เข้ากับย่านความถี่อื่นๆได้ดี ให้เสียงที่ค่อนข้างอุ่น ส่วน High นั้นสว่าง คมชัด โดยรวมแล้ว Clear MG จะตอบสนองต่อการฟังเพลงทั่วไปได้ดีกว่า เวทีเสียงกำลังดี มวลของดนตรีมีความแน่น กระชับ ฟังสนุก แต่ก็เก็บรายละเอียดได้เยอะมากครับ
Focal Clear MG Pro : แน่นอนว่าออกแบบมาเพื่อคนทำงาน แนวเสียงจะคัลเลอร์น้อยกว่าอยู่ซักหน่อยครับ Low นั้นแน่นหนา ให้รายละเอียดของเบสได้ดี สามารถโฟกัสย่านเสียงต่ำได้แม่นกว่าครับ ส่วนย่าน Mid นั้นก็จะแจ้งและขี้ฟ้องพอสมควร สำหรับคนที่ใช้เพื่อการมิกซ์เสียงน่าจะชอบรุ่น Pro มากกว่าแน่นอนครับ ส่วนย่าน High จะไม่สว่างคมเท่ารุ่น MG ปกติ แต่จะมีความเปิดกว้างของปลายเสียงที่ดีกว่า ฟังดูโปร่ง ทำให้ภาพรวมของซาวด์สเตจดูกว้างกว่าด้วยครับ
หูฟังทั้ง 2 รุ่นค่อนข้างแบ่งแยกผู้ที่ซื้อไปใช้งานได้อย่างชัดเจนครับ ถ้าคุณชอบความเป็นมิวสิคคัล ฟังเพลงได้เพราะ ฟังสนุก ฟังแล้วบันเทิง คำตอนของคุณก็คือ Focal Clear MG แน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นคนทำงานที่ต้องการความแม่นยำ การแจกแจงรายละเอียดที่มาก สามารถแยกแยะแต่ละเลเยอร์ได้แบบชัดๆ ก็ต้องไปที่ Focal Clear MG Professional ครับผม