Focal ELEGIA vs ELEAR 2 หูฟัง Full-size คุณภาพเสียงระดับมอนิเตอร์
ELEGIA และ ELEAR สองคู่ดูโอจากค่าย Focal ที่หน้าตาใกล้เคียงกันเหมือนฝาแฝด แต่อันที่จริงแล้วทั้งสองมีรายละเอียดที่แตกต่างกันพอสมควร เพราะรุ่นนึงดีไซน์แบบ Closed Back กับอีกรุ่นที่เป็นแบบ Open Back ส่วนสิ่งที่เหมือนกันแน่นอนก็คือคุณภาพเสียงที่สุดยอดตามมาตราฐานของแบรนด์ระดับไฮเอนด์จากเมืองน้ำหอมครับ
Focal ELEGIA
จุดเด่น
- หูฟัง Full Size Closed Back ระดับไฮเอนด์
- อิมพีแดนซ์ต่ำเพียง 35 โอห์มสามารถใช้งานกับ DAP ได้โดยตรง
- ใช้ไดรเวอร์ฟูลเรนจ์แบบ ‘M’-shape aluminium/magnesium dome ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Focal
- วัสดุที่ใช้เป็นระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด สวยงามและใส่สบาย
- ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี ใช้ฟังได้ทุกสถานที่
Focal ELEAR
จุดเด่น
- หูฟัง Full Size Open Back ระดับไฮเอนด์
- ใช้เทคโนโลยีร่วมกับหูฟังรุ่นท็อปของค่ายอย่าง Utopia
- ใช้ไดรเวอร์ฟูลเรนจ์แบบ ‘M’-shape aluminium/magnesium dome ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Focal
- สายสัญญาณคุณภาพสูงแบบ Balanced
- ให้รายละเอียดเสียงยอดเยี่ยมและมีซาวด์สเตจที่เปิดกว้าง
แตกต่างที่ดีไซน์แต่คุณภาพเยี่ยมทั้งคู่
ข้อแตกต่างหลักๆของหูฟังทั้งสองรุ่นก็คือ ELEGIA นั้นออกแบบให้เป็นหูฟังแบบ Closed-Back ส่วน ELEAR จะเป็นแบบ Open Back ทำให้หูฟังทั้งสองจะมีความแตกต่างชัดเจนในเรื่องของคาแรคเตอร์เสียง และลักษณะการใช้งานครับ
สำหรับ ELEGIA ด้วยดีไซน์แบบปิดจึงเหมาะแก่การใช้งานในทุกสภาวะ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานฟังเพลงนอกสถานที่บ่อยๆ แต่ต้องการคุณภาพเสียงระดับพรีเมี่ยม ELEGIA จะเหมาะมากๆ และเมื่อบวกกับอิมพีแดนซ์เพียง 35 โอห์มทำให้ใช้งานกับเพลเยอร์หรือจะใช้กับสมาร์ทโฟนก็ยังพอไหว เรียกได้ว่าเป็นหูฟัง On The Go ระดับพรีเมี่ยมอย่างแท้จริงครับ
ส่วนของ ELEAR นั้นจะเป็นหูฟังแบบเปิด หรือ Open Back ทำให้เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือสถานที่ซึ่งปราศจากเสียงรบกวนจะได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าครับ ส่วนของอิมพีแดนซ์นั้นจะอยู่ที่ 80 โอห์ม ทำให้ถ้าอยากได้คุณภาพที่แท้จริงจาก ELEAR ล่ะก็ควรจะใช้แอมป์เสริมก็จะดีกว่าครับ ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นหายห่วงครับ ยอดเยี่ยมเกินมาตราฐานหูฟัง Open Back แน่นอนเพราะใช้เทคโนโลยีร่วมกับหูฟังตัวท็อปร่วมค่ายค่าตัวแสนอัพอย่าง UTOPIA ด้วยครับ
สุดยอดเทคโนโลยีไดรเวอร์ “M” shape dome
คุณภาพเสียงที่สุดยอดของทั้ง 2 รุ่นมาจากเทคโนโลยีไดรเวอร์เฉพาะของทาง Focal ที่พวกเค้าเรียกว่า ‘M’-shape aluminium/magnesium dome ซึ่งเป็นไดรเวอร์แบบ Full Range ขนาด 40 มิลลิเมตรที่ทำมาจากอะลูมิเนียมบวกกับแม็กนีเซียม ตัว Voice Coil ยังออกแบบให้เป็น Frameless ทำให้มีน้ำหนักเบาแต่ก็มีความ Stiff สูงมากๆ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นไดรเวอร์ที่สามารถถอบสนองความถี่สูงได้ดีเป็นพิเศษ ให้ไดนามิคที่ยอดเยี่ยม และยังสามารถตอบสนองความถี่ได้กว้างมากตั้งแต่ 5Hz ไปจนถึง 23kHz เลยทีเดียวครับ
ออกแบบให้ใส่สบายเป็นพิเศษ
เนื่องจากทั้งสองรุ่นเป็นหูฟังแบบ Full Size ทำให้ความสบายเวลาสวมใส่เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ใส่ใช้งานได้นานๆ ทาง Focal จึงพยายามลดน้ำหนักตัวหูฟังให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยใช้ก้านหูฟังที่ทำจากอะลูมิเนียม ทำให้หูฟังมีน้ำหนักเบาแต่ยังคงความแข็งแรงเอาไว้ได้
ส่วนด้านความนิ่มสบายนั้นก็จะมาจากเฮดแบนด์ที่หุ้มด้วยหนังแท้อย่างดี และส่วนของ Ear Pad ก็ยังเป็น Memory Foam ที่มีความหนาถึง 20 มิลลิเมตรหุ้มทับด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์อีกชั้น ให้ทั้งความนุ่มสบายสูงสุดรวมไปถึงสัมผัสที่ละมุนยามสวมใส่อีกด้วยครับ
สายแจ็คหูฟังคุณภาพสูง
สำหรับ Focal ELEGIA ที่เน้นการใช้งานแบบพกพาทำให้ชุดสายแจ็คที่แถมมาให้จะเป็นสายแจ็คแบบ TRS ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ความยาว 1.2 เมตร แต่ก็มีอะแดปเตอร์แจ็คขนาด 6.35 มิลลิเมตรแถมมาให้ด้วยครับ
ส่วน ELAER ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานผ่านแอมป์ จึงใช้หัวแจ็คแบบ Balanced ขนาด 6.35 มิลลิเมตรให้มาเลยครับ แต่สำหรับผู้ที่อยากใช้งานกับเพลเยอร์หรืออุปกรณ์อื่นที่เป็นช่องเอาท์พุตขนาด 3.5 มิลลิเมตรก็มีสายแจ็คขนาด 3.5 มิลลิเมตรพร้อมระบบ self-locking system มาให้ด้วยครับ
ให้น้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมแบบ Audiophile Headphone
ทั้ง Focal ELEGIA และ ELEAR จัดได้ว่าเป็นหูฟังระดับไฮเอนด์ที่เหมาะสำหรับนักฟังเพลงสาย Audiophile เป็นพิเศษครับ นอกจากคาแรคเตอร์เสียงแบบ Closed และ Open Back ที่ต่างกันแล้ว แต่ในด้านการตอบสนองรายละเอียดต่างๆระดับไมโครดีเทล ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ครับ ด้านการแสดงไดนามิคของเสียงก็ลื่นไหลไม่แพ้กัน ส่วนในด้านเวทีเสียง ELAER อาจจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อย แต่ ELEGIA ก็ถือว่าทำได้กว้างมากๆเมื่อเทียบกับหูฟังทั่วๆไปครับ
สรุปได้ว่ายอดเยี่ยมทั้งคู่ต่างกันที่คาแรคเตอร์เฉพาะตัวและลักษณะการใช้งานเท่านั้นครับ ใครที่ต้องการหูฟังเพื่อตอบสนองการฟังเพลงที่เน้นคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res โดยเฉพาะไม่ควรพลาดการทดสอบหูฟังทั้งสองรุ่นครับผม
Focal ELEGIA
Type |
Circum-aural closed back headphones |
Impedance |
35 Ohms |
Sensitivity |
105 dB SPL / 1 mW @ 1 kHz |
THD |
0.1 % @ 1 kHz / 100 dB SPL |
Frequency response |
5 Hz-23 kHz |
Speaker driver |
1.57″ (40 mm) ‘M’-shape Aluminium/ Magnesium dome |
Weight |
0.95 lbs (430 g) |
Cable provided |
3.94 feet (1.2 m) asymmetric cable (0.14″ – 3.5 mm TRS jack). |
Hard-shell carry case provided |
10″ x 9″ x 5″ (250 x 240 x 120 mm) |
Focal ELEAR
Type |
Circum-aural open back headphones |
Impedance |
80 Ohms |
Sensitivity |
104dB SPL / 1mW @ 1kHz |
THD |
<0.3% @ 1kHz / 100dB SPL |
Frequency response |
5Hz – 23kHz |
Loudspeaker |
137⁄64“ (40mm) Aluminum-Magnesium “M” shape dome |
Weight |
0.99lb (450g) |
Cable length |
9.8ft (3m) |
Connectors |
1 x 01/4“ (6.35mm) stereo Jack connector 2 x 09⁄64“ (3.5mm) Jack |
Carrying case |
1253⁄64“x1015⁄64“x629⁄64“ (326x260x164mm) |