HiBy RS8 vs Shanling M9 เครื่องเล่นตัวท็อป อยากหยุดต้องไปให้สุด
สายฟังเพลงจาก DAP ต้องมาดูสองสุดยอดรุ่นท็อประดับเรือธงอย่าง HiBy RS8 และ Shanling M9 กันครับ ใครที่คิดว่าตัวจบไม่มีอยู่จริง ทั้งสองรุ่นนี้จะเป็นคำตอบให้คุณได้รู้จักกับคำว่า “ไปให้สุดทาง DAP” ครับผม
HiBy RS8 VS Shanling M9
HiBy RS8 | Shanling M9 | |
CPU | Qualcomm Snapdragon 665 | Qualcomm Snapdragon 665 |
DAC | R2R Resistor Ladder | AKM AK4499EQ X2 |
Headphone Amp | Class A amplifier | ชิป AD4610 & BUF364A & OPA1612 |
OS | Open Android 12 | Android 10 |
Display | หน้าจอแสดงผล 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080p | หน้าจอแสดงผล 6 นิ้ว ความละเอียด 2K |
Output | 3.5mm. กับ 4.4mm. และช่อง line-out | ถอดเปลี่ยนโมดูลเอาท์พุตได้ รองรับทุกรูปแบบ |
Features | NOS & OS Mode สำหรับการ Up Sampling | Turbo Mode รองรับการขับหูฟังขนาดใหญ่ |
สองเรือธงสเปคสุดโหด
เพื่อให้สมกับฐานะ DAP เรือธงประจำค่ายของทั้งสอง สเปคที่อัดมาให้จึงถือได้ว่าโหดเอามากๆครับ ทุกพาร์ท ทุกอุปกรณ์ที่เลือกใช้คือที่สุดในเวลานี้แล้วสำหรับทั้ง RS8 และ M9 เดี๋ยวเราไปลงรายละเอียดสเปคต่างๆที่เทียบให้ดูจากตารางด้านบนกันให้ละเอียดขึ้นอีกหน่อยดีกว่าครับ
- CPU มันสมองของเครื่อง
สำหรับระบบประมวลผลของเครื่องถือว่าทั้งสองค่ายใจตรงกันครับ เลือกใช้ชิปตัวท็อปของ Qualcomm เหมือนกันทั้งคู่นั่นคือรุ่น Snapdragon 665 แถมหน่วยความจำก็ยังเท่ากันอีกให้ RAM 8GB และ ROM 256GB
เพียงแต่ว่าระบบปฎิบัติการหรือ OS ที่ควบคุมเครื่องจะต่างกันนิดหน่อยครับ สำหรับ RS8 จะค่อนข้างอัพเดทกว่าใช้ Android 12 ส่วน M9 ก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากให้ Android 10 มาแทนครับ
- ระบบ DAC ที่เป็นหัวใจหลัก
ส่วนที่เป็นคีย์สำคัญของอุปกรณ์ฟังเพลงก็คือระบบ DAC ที่ใช้ครับ ซึ่งทั้งสองจะต่างกันชัดเจน สำหรับ HiBy RS8 จะใช้ระบบ R2R Resistor Ladder ที่นักฟังทั้งหลายต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงมันดีมากๆ และให้อารมณ์แบบอุปกรณ์อะนาลอคสูง
ส่วนของ Shanling M9 ยังคงเลือกระบบใช้ระบบถอดรหัสเสียงแบบ Delta-sigma ตามพิมพ์นิยม ชิป DAC ที่ใช้ก็คือ AKM AK4499EQ จำนวน 2 ตัวเพื่อสร้างระบบ Fully Balanced นั่นเอง
สำหรับความละเอียดเสียงสูงสุดที่ให้ได้ RS8 จะมีภาษีดีกว่าครับ สำหรับ PCM สามารถทำได้ถึง 32Bit/1536kHz และ DSD1024 ส่วนของ M9 จะทำได้ที่ PCM 32bit/768kHz และ DSD512 ครับ
แต่ที่ดีงามเหมือนกันทั้งคู่ก็คือสามารถถอดรหัส MQA ได้ระดับ 16x เท่ากันครับ เหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับแอพอย่าง Tidal หรือ Qobuz เป็นอย่างยิ่ง
- ภาค Amplifier
สำหรับ R8 เป็น DAP ที่ทาง HiBy ตั้งใจจะให้มีกลิ่นไอของโทนเสียงอะนาลอคมากๆครับ ขนาดภาคขยายยังเลือกใช้ระบบแอมป์ Class A ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Class ที่เสียงดีที่สุดมาให้เลย ส่วนของ M9 จะใช้ชิปดิจิตอลแอมป์แต่ก็เป็นเกรดระดับไฮเอนด์เลย ในระบบจะประกอบไปด้วยชิป AD4610 & BUF364A และ OPA1612
พูดถึงเรื่องระบบแอมป์พลิฟายเออร์แล้วคงต้องแวะพูดเรื่องเอาท์พุตที่ให้มาด้วยเลย เริ่มกันที่ R8 จะให้ทุกอย่างมาครบจบในตัวโดยจะแบ่งเป็น 3.5mm. single-ended และ 4.4mm. balanced สามารถใช้งานได้ทั้งหูฟังและ line out
แต่สำหรับ M9 จะมีลูกเล่นที่แปลกกว่า DAP อื่นๆ ตรงที่มีเอาท์พุตให้เลือกใช้หลายแบบเหมือนกัน แต่จะมาในลักษณะของ output module ให้ถอดเปลี่ยนแทน ซึ่งจะมีให้เลือกใช้ถึง 4 ประเภทเลยนั่นก็คือ Balanced 2.5mm. กับ 4.4mm. และ Single-Ended 3.5mm. และ 3.5mm. Pro ครับ
- สตรีมมิ่งแบบไร้สาย
ทั้งสองรุ่นสามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้สองรูปแบบหลักๆครับ อย่างแรกก็คือผ่าน Bluetooth ทำได้แบบ Two-Way ด้วยคือทั้งส่งและรับสัญญาณ เวอร์ชั่นที่ใช้งานจะเป็น Bluetooth 5.0 พร้อมรองรับ codec รายละเอียดสูงครบครันโดยเฉพาะ LDAC และ aptX HD
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างที่สองก็คือผ่าน Wi-Fi ใช้งานได้ทั้ง 2.4G และ 5G รองรับการสตรีมมิ่งผ่านทั้ง DLNA และ AirPlay ครับ
- ขนาดหน้าจอ
ตัวหน้าจอทัชสกรีนของ M9 จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยครับ โดยมีขนาด 6 นิ้วและยังให้รายละเอียดสูงถึงระดับ 2k ส่วนของ RS8 ก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากครับ ลดไซส์ลงมานิดเดียวอยู่ที่ 5.5 นิ้ว พร้อมรายละเอียด 1080p
- ความจุแบตเตอรี่
ถึงแม้ว่า M9 จะมีขนาดของแบตเตอรี่ที่เล็กกว่าอยู่ที่ 8,350 mAh แต่ก้ใช้งานในโหมด Balanced ได้ร่วม 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว กลับกันกับ RS8 ที่ให้แบตเตอรี่มาถึง 12,000 mAh กลับใช้งานในโหมด Balanced ได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
แต่เพื่อความแฟร์ก็ต้องยอมรับว่าภาค DAC และ Amp ของ RS8 เค้ากินพลังงานมากกว่าแน่นอนครับ ทั้งระบบ R2R และแอมป์ Class A ใช้งานได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าอึดใช้ได้แล้วสำหรับแบตเตอรี่
- ฟีเจอร์เฉพาะรุ่น
อย่างสุดท้ายก็มาดูที่จุดขายเฉพาะตัวกันครับ เริ่มกันที่ M9 ก่อนละกัน ซึ่งจะมี Turbo Mode มาให้ใช้ด้วย ในกรณีอยากเอาไปใช้กับหูฟังไซส์เบิ้มๆที่ต้องการพลังงานสูง ก็เปิดโหมดนี้เพื่อเพิ่มแรงขับได้เลย
อีกจุดที่ให้มาด้วยก็คือการเลือกเอาท์พุตเกนได้ 3 รูปแบบก็จะทำให้เราแมทช์กับหูฟังแต่ละแบบได้แม่นขึ้นอีกครับ
สำหรับ RS8 เองก็มี Turbo Mode มาให้ใช้เช่นกัน แต่ที่เป็นจุดขายของ HiBy เลยก็คือ NOS และ OS mode โดยที่ NOS Mode จะส่งสัญญาณดิจิตอลจากภาคคอนเวอร์เตอร์ไปยังอะนาลอคเอาท์พุตโดยตรง เพิ่มความเป็นอะนาลอคซาวด์ให้มากยิ่งขึ้น ส่วน OS Mode หรือ Oversampling จะเป็นการปรับปรุง ปรับแต่งสัญญาณ เพิ่มฟิลเตอร์ ทำให้คุณภาพเสียงดูดีขึ้นอีกระดับแม้ใช้กับไฟล์ที่ไม่ได้มีรายละเอียดสูงมากก็ตาม
HiBy RS8 VS Shanling M9
ก็ต้องบอกว่างานนี้สุดจัดจริงๆครับสำหรับ DAP เรือธงอย่าง HiBy RS8 และ Shanling M9 ในเรื่องสเปคถือว่าค่อนข้างคู่คี่สูสีกันมากเลยทีเดียว มีข้อดีข้อด้อยต่างกันคนละหน่อย แต่ถ้ามองในแง่ค่าตัว บวกกับฟังค์ชั่นที่ให้มา RS8 ดูจะมีภาษีดีกว่านิดๆครับ แต่เอาเป็นว่าใครสนใจ DAP ตัวจบจริงๆล่ะก็ ทั้งคู่เป็นคำตอบให้คุณได้แน่นอนครับ