วิธีเลือก หูฟัง ไมค์ WFH ให้ลงตัว ประชุมทั้งวันยังสบาย
ปัจจุบันนี้การ Work From Home กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของใครหลายๆคนไปซะแล้วนะครับ ยิ่งใครที่จำเป็นต้องประชุมสายทั้งวันล่ะก็ หูฟังหรือ Headset ดีๆสักอันนึงจะช่วยให้การพูดคุยหรือประชุมสายนั้นลื่นไหลและสะดวกสบายกว่าการถือโทรศัพท์และการคุยผ่านคอมพิวเตอร์หลายเท่าครับ
เทคนิคการเลือกหูฟังสำหรับทำงานให้เวิร์คที่สุด
1. ไมค์โครโฟนตัวเลือกที่สำคัญที่สุด
ถ้าพูดถึงหูฟังสำหรับการ WFH ล่ะก็ ไมค์โครโฟนเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลยล่ะครับ เพราะถึงจะทำงานอยู่ที่บ้านแต่เราก็จำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานหรือบางครั้งก็ต้องใช้ประชุมสายด้วย เสียงพูดที่ชัดเจนจะเป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานลื่นไหล ไม่ติดขัดและไม่ทำให้ผู้อื่นรำคาญใจเวลาที่ได้ยินเสียงเราไม่ชัด
หูฟังหรือ Headset ที่มีไมค์โครโฟนแยกออกมาจากตัวหูฟังต่างหากจะเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆสำหรับการนี้ครับ เพราะตัวไมค์โครโฟนจะอยู่ใกล้ปากของเรามากกว่าหูฟังที่ซ่อนไมค์ไว้ในตัวบอดี้ของหูฟัง ทำให้รับเสียงได้อย่างชัดเจน แถมหูฟังบางรุ่นอย่างเช่น EPOS | SENNHEISER ADAPT 563 ยังสามารถพับหูฟังเก็บได้ด้วย ช่วยให้ไม่เกะกะเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน แถมเวลาพับเก็บปุ๊บยังเป็นการ Mute เสียงไมค์โครโฟนโดยอัตโนมัติอีกด้วยครับ
2. ตัดเสียงรบกวนได้ด้วยล่ะเยี่ยมเลย
ต่อเนื่องกันมาจากข้อแรกครับ ไมค์โครโฟนนอกจากจะรับเสียงได้ดีแล้วถ้ามีฟังค์ชั่นอย่างการตัดเสียงรบกวนหรือ Noise Cancelling ได้ด้วยล่ะก็จะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะจะช่วยการันตีความชัดเจนของเสียงเราได้แบบ 100%
ยกตัวอย่างหูฟังอย่างเช่น Plantronics Voyeger 5200 UC ซึ่งติดตั้งไมค์โครโฟนเอาไว้ถึง 4 ตัว นอกจากจะใช้รับเสียงพูดของเราแล้ว ยังใช้ในการรับเสียงอื่นๆรอบข้างเราเพื่อทำการกำจัดออกอีกด้วยครับ ทีเด็ดของรุ่นนี้ยังมีฟังค์ชั่น Echo Canceling ที่ช่วยลดเสียงก้องในห้องของเราซึ่งเหมาะกับชาว WFH มากๆ นอกจากนั้นก็ยังมีฟังค์ชั่น WindSmart ที่ช่วยลดเสียงลมเวลาที่เราใช้งานเอาท์ดอร์ได้อีกด้วย
ถึงแม้เราจะทำงานที่บ้านกันเป็นหลัก แต่ฟังค์ชั่นเหล่านี้ก็มีประโยชน์เมื่อถึงคราวจำเป็นที่เราอาจต้องไปทำงานนอกสถานที่ก็ได้นะครับ
3. ใส่สบาย น้ำหนักเบา
ข้อนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องพูดคุยโทรศัพท์หรือประชุมสายทั้งวันล่ะก็ ความสบายเวลาที่ใช้งานหูฟังนั้นสำคัญมากๆครับ ซึ่งความรู้สึกสบายเวลาที่ใส่หูฟังนั้นก็จะมาจาก
- น้ำหนัก : แน่นอนว่ายิ่งเบาก็ยิ่งใส่สบาย ถ้ารู้ว่าเราจำเป็นต้องสวมใว่หูฟังตลอดวันล่ะก็ เน้นรุ่นที่มีนำ้หนักเบาๆเอาไว้ก่อนเลยครับ
- ประเภทของหูฟัง : ในข้อนี้หูฟัง Headset แบบ On-Ear จะได้เปรียบกว่าหูฟัง Over-Ear หรือ Full-Size ครับ เพราะหูฟังนั้นจะแปะอยู่บนหูของเรา ไม่ได้ครอบไปทั้งหมด ทำให้ไม่อึดอัดมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต้องสวมใส่เป็นเวลานานๆ
ในหัวข้อนี้หูฟังแบบ single-sided headset อย่างเช่นหูฟังตระกูล PC จาก Sennheiser ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ เรื่องใส่สบายล่ะหายห่วงเพราะหูฟังจะแปะอยู่ที่หูซ้ายเราอย่างเดียว แถมยังมีน้ำหนักเบามากๆด้วยครับ
4. หูฟังไร้สายได้เปรียบกว่านะ
หูฟังแบบ True Wireless จะใช้งานได้สะดวกสบายกว่าหูฟังแบบมีสายนะครับ ถึงแม้ส่วนใหญ่เราจะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมตลอดเวลาก็เถอะ แต่การมีหูฟังไร้สายหรือหูฟัง TWS ไว้ใช้งานล่ะก็จะช่วยให้เราสามารถลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสายหรือจะเดินไปดริฟท์กาแฟเพิ่มระหว่างที่กำลังคุยงานอยู่ก็ยังได้ เรียกว่าเป็นความชิลที่การทำงานแบบ WFH เท่านั้นที่ให้คุณได้ครับ
หูฟัง TWS รุ่นใหม่ๆยังรองรับการทำงานด้วย Bluetooth 5.0 จึงช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องความเสถียรของสัญญาณ แถมบางรุ่นอย่างเช่น SENNHEISER ADAPT 563 ยังรองรับ codec aptX ได้ด้วย สามารถเอาไปฟังเพลงชิลๆด้วยคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมครับ
5. เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือใช้งานกับ team chat apps ได้ยิ่งดี
บางครั้งเราก็ไม่ได้ใช้งานหูฟังหรือ Headset ร่วมกับสมาร์ทโฟนอย่างเดียวเท่านั้น การใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้จึงเป็นอีกตัวเลือกที่ควรให้ความสำคัญครับ ตรวจสอบให้ดีว่าหูฟังที่เราต้องการนั้นรองรับกับระบบปฎิบัติการที่เราใช้รึเปล่า บางครั้งถ้าต้องการหูฟังไร้สายไว้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ PC เราก็อาจต้องดูหูฟังที่มี USB Dongle แถมมาให้ด้วย
ถ้าต้องการความสะดวกถึงขีดสุดล่ะก็ ลองดูหูฟังที่ออกแบบมาให้รองรับแอพพลิเคชั่นที่เราใช้ในการทำงานโดยตรงหรือ team chat apps อย่างเช่น Microsoft Teams, Skype หรือว่า Zoom ก็จะช่วยให้การเชื่อมต่อและการใช้งานสะดวกขึ้นครับ
“ใส่สบาย ไมค์ชัด ฟังค์ชั่นครบ” เป็นหัวใจสำคัญของการเลือกหูฟัง Work From Home ครับ เชื่อว่าหลายๆคนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตมาทำงานอยู่บ้านหรือทำงานนอกสถานที่กันไปอีกยาวๆ ฉะนั้นเลือกหาหูฟังดีๆไว้เป็นเพื่อนคู่ใจซักอันก็จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างเพลิดเพลินยิ่งขึ้นครับผม