iFi Audio Diablo VS Neo iDSD DAC ตัวท็อปที่ใช้งานต่างกัน
iFi Audio Diablo iDSD และ iFi Audio NEO iDSD สอง DAC ระดับท็อปจากค่าย iFi Audio ซึ่งชื่อเสียงของค่ายนี้เป็นที่รู้กันดีว่าพวกเค้ายอดเยี่ยมในการผลิต DAC/Amp ขนาดไหน เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่าถ้าคุณกำลังมองหา DAC/Amp คุณภาพสูงรุ่นเรือธง ระหว่างสองรุ่นนี้เราควรจะเลือกใช้ตัวไหนดีถึงจะตรงกับการใช้งานของเราครับ
iFi Audio Diablo VS Neo iDSD DAC
ก่อนอื่นเรามาเทียบเสปคของทั้งคู่เป็นข้อๆกันก่อนดีกว่าครับ เพราะจะทำให้เราเห็นความแตกต่างของทั้งคู่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Spec
- ระบบ DAC
iFi Audio Diablo : ชิปเซ็ทจาก Burr-Brown รองรับการถอดรหัส PCM สูงสุดที่ 32-Bit/768kHz, DSD สูงสุดที่ DSD512
iFi Audio NEO : ชิปเซ็ทจาก Burr-Brown รองรับการถอดรหัส PCM สูงสุดที่ 32-Bit/768kHz, DSD สูงสุดที่ DSD512 และ DXD
- รองรับการถอดรหัส MQA ทั้งสองรุ่น
- ภาค Input
iFi Audio Diablo : USB / SPDIF
iFi Audio NEO : USB / OPTICAL / COAXIAL และ Bluetooth 5.0
- ภาค Output
iFi Audio Diablo : Headphone output 4.4mm Balanced และ 6.35mm Single-Ended / Line Output 4.4mm Balanced
iFi Audio NEO : Headphone output 4.4mm Balanced และ 6.35mm Single-Ended / Line Output XLR และ RCA
- รองรับหูฟังขนาด 600 โอห์มทั้งสองรุ่น
- ฟังค์ชั่นเฉพาะ
iFi Audio Diablo : ภาคขยายเสียงเป็นวงจรแบบ Direct-Drive Circuitry / ปรับระดับ Output Gain เพื่อแมทช์ชิ่งหูฟังแต่ละแบบได้ / มีแบตเตอรี่ขนาด 4800mAh ในตัว
iFi Audio NEO : วงจร PureWave แบบ Symmetrical Dual-Mono / รองรับ Bluetooth ระดับ Hi-Res
ฟังเพลงอยู่บ้านหรือจะเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
iFi Audio Diablo : 166 x 72 x 25 mm
iFi Audio NEO : 214 x146 x 41 mm
จากขนาดของตัวเครื่องจะเห็นได้ชัดว่า Diablo ถูกออกแบบให้เป็นตัวเลือกสำหรับการใช้งานแบบพกพาด้วยครับ บวกกับแบตเตอรี่ในตัวที่ให้มาถึง 4800mAh ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานนอกบ้านโดยไม่ต้องห่วงเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ ส่วน NEO นั้นมีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด จะแบกไปไหนคงไม่ค่อยสะดวกครับ เซ็ทแบบถาวรอยู่บ้านน่าจะดีกว่า แถมยังมีตัวเลือกให้เราสามารถวางแบบแนวนอนหรือแนวตั้งก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้งานของเรา ส่วนของจอ LED ยังสามารถปรับเลย์เอาท์ได้ตามการวางเครื่องของเราได้อัตโนมัติครับ
ถ้าอยากเชื่อมต่อแบบไร้สายต้อง NEO
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของ NEO คือรองรับอินพุตแบบไร้สายด้วย Bluetooth 5.0 ด้วยครับ ซึ่งรองรับ codec ครบครันรวมไปถึง codec ระดับ Hi-Res ด้วยไม่ว่าจะเป็น AAC, SBC, aptX, aptX HD, aptX Adaptive, aptX LL, LDAC, LHDC และHWA จัดได้ว่าใช้งานได้ทุก codec บนโลกก็ว่าได้ครับ
ถึงการถอดรหัส PCM สูงสุดที่ 32-Bit/768kHz และ DSD สูงสุดที่ DSD512 จะเท่ากัน แต่ความยืดหยุ่นในการใช้งานของ NEO จะได้เปรียบกว่าครับ แถมยังรองรับ DXD อีกด้วย ใครที่เน้นความหลากหลายของไฟล์ที่ใช้งานรวมถึงความสะดวกในการเชื่อมต่ออาจจะต้องมองที่ NEO มากกว่านะครับ
Input และ Output ยังเป็นทีของ NEO
ถ้าดูเฉพาะส่วนของ Headphone output ทั้งคู่ถือว่าเสมอกันไปครับ เพราะรองรับทั้ง 4.4mm Balanced และ 6.35mm Single-End เหมือนกันทั้งคู่
แต่ส่วนของ Line Output ของ NEO จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยเพราะมีทั้ง Balanced และ Single-Ended ส่วนของ Diablo จะมีแค่ 4.4mm Balanced output อย่างเดียว
ส่วนของ Digital input ของ NEO ก็ยังมีตัวเลือกให้มากกว่าครับ แต่ในจุดนี้ก็มาจากจุดประสงค์ในการใช้งานด้วย เครื่องที่มีขนาดใหญ่และเน้นการใช้งาน Home Use มากกว่าก็มักจะได้เปรียบในเรื่องของการเชื่อมต่อครับ
ถ้าเน้นใช้งานกับหูฟัง Diablo ก็น่าสน
ถึงจะรองรับ Headphone output เหมือนกันๆ แต่ Diablo ยังได้เปรียบในเรื่องของ Gain Matching โหมดซึ่งสามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ ECO, Normal และ Turbo มาให้เลือกใช้งานครับ ทำให้สามารถจับคู่กับหูฟังรูปแบบต่างๆได้สะดวกยิ่งขึ้น
ใครที่มีหูฟังเยอะๆและเน้นการฟังเพลงผ่านหูฟังมากกว่าจะไปต่อออกชุดลำโพง Diablo ก็จะมีภาษีที่ดีกว่าครับ
ยังไงก็ตามทั้งสองรุ่นถือว่าให้กำลังขับมาอย่างเหลือเฟือ สามารถขับหูฟังที่บริโภคพลังงานสูงระดับ 600 โอห์ม ได้ทั้งคู่ ต่างกันที่ Daiblo จะยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่าครับ
“ส่วนของสเปคภายในรวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้ถือว่าจัดเต็มทั้งคู่ครับ ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานระดับ Audiophile ได้เป็นอย่างดี ที่เหลือก็จะอยู่ที่ลักษณะการใช้งานของแต่ละท่านแล้วล่ะครับ ว่าเน้นการเชื่อมต่อแบบไหน ใช้งานกับอุปกรณ์อะไรบ้าง ส่วนเรื่องเสียงบอกได้เลยว่ายอดเยี่ยมทั้งคู่ครับ”