iFi Audio iSilencer มันต่างกับ iPurifier ยังไงอ่ะครับ?
iSilencer และ iPurifier อุปกรณ์กำจัดสัญญาณรบกวนจากค่าย iFi Audio ที่คุ้มค่าน่าลงทุน ช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหูฟังหรือหาซื้อ DAC ใหม่ให้ยุ่งยาก ว่าแต่ทั้งสองตระกูลเค้าต่างกันอย่างไรบ้างต้องลองมาดูกันละเอียดครับ
iFi Audio iSilencer & iPurifier
ก่อนอื่นเรามาดูที่ภาพรวมของทั้ง iSilencer และ iPurifier กันก่อนเลยดีกว่าครับ โดยทั้งสองมีจุดเด่นในการทำหน้าเป็นระบบ Noise Eliminator หรือตัวกำจัดสัญญาณรบกวนผ่านช่อง USB ซึ่งสามารถลดพวก digital error รวมไปถึง noise ที่มาจากไฟฟ้าให้หายไปได้ ผลลัพธ์ก็คือสัญญาณมีความสะอาดมากขึ้น ได้พื้นหลังที่สงัดเพราะปราศจากสัญญาณรบกวน ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงต่างๆมากขึ้นตามไปด้วยครับ
ในตระกูล iSilencer นั้นจะมีจุดเด่นอยู่ที่
- USB Audio Noise Eliminator หรืออุปกรณ์ช่วยกำจัดสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าและดิจิตอล
- ช่วยลดสัญญาณ Jitter และ Packet Error
- มีเทคโนโลยี REbalance ที่ช่วยจัดการเรื่องกระแสไฟ DC
- รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์, แทปเล็ต หรือ สมาร์ทโฟน
ในตระกูล iPurifier นั้นจะมีจุดเด่นอยู่ที่
- Active Audio Noise Filter หรืออุปกรณ์ช่วยกำจัดสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าและดิจิตอล
- ช่วยลดสัญญาณ Jitter และ Packet Error
- ออกแบบให้สามารถกำจัด Noise ที่มาจากระบบไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น
- มีเทคโนโลยี REbalance และเพิ่มเทคโนโลยี REclock / REgenerate ช่วยลดปัญหาสัญญาณ Distortion
จะเห็นได้ว่า iPurifier จะเหมือนกับตัวอัพเกรดของ iSilencer อีกทีนึง ซึ่งจะมีระบบฉนวนและวัสดุต่างๆที่สามารถกรองสัญญาณรบกวนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะสัญญาณรบกวนที่เกิดจากระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งสองตระกูลของ iSilencer และ iPurifier จะมีรุ่นย่อยๆแยกออกไปอีก ต่างกันตามคุณสมบัติและลักษณะของพอร์ตเชื่อมต่อครับ
iSilencer 3.0
รุ่นเริ่มต้นของ iSilencer ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB-A to USB-A ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Active Noise Cancellation เวอร์ชั่นแรกที่สามารถลดปัญหา jitter + packet errors ได้เป็นอย่างดี และยังสามารถรองรับการทำงานผ่าน USB 3.0 ได้อีกด้วยครับ
iSilencer+ USB-C to USB-C / USB-A to USB-C / USB-A to USB-A
รุ่นอัพเกรดจาก iSilencer 3.0 สำหรับ iFi iSilencer+ ทั้งสามรุ่นนี้จะต่างกันที่ลักษณะการเชื่อมต่อเท่านั้นครับ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบ USB-A และ USB-C และยังมีรุ่นที่ใช้เป็นอะแดปเตอร์จาก USB-A ไปเป็น USB-C ได้อีกด้วย โดยทั้ง 3 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Active Noise Cancellation II ที่ช่วยตัดสัญญาณรบกวนได้เหมือนกับหูฟังแบบ ANC และยังคงระบบ REBalance ที่ช่วยขจัดพวกเสียง clicks หรือ distortion ออกไปได้ด้วยครับ แถมทุกรุ่นยังรองรับการส่งข้อมูลผ่าน USB 3.0 อีกด้วยครับ
iPurifier2 USB Digital Noise Filter Type A,B
iFi Audio iPurifier2 เป็นตัวกรองและขจัดเสียงรบกวนผ่านช่อง USB ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีกครับ ยังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Active Noise Cancellation II และ REBalance แต่ได้เพิ่มเทคโนโลยี REclock และ REgenerate ที่ช่วยลดปัญหาเรื่อง Jitter ทำให้การส่งข้อมูลดิจิตอลมีความแม่นยำมากขึ้นไปอีก แถมยังออกแบบให้รองรับการฟังเพลงผ่านฟอร์แมท PCM / DSD และ DXD โดยตรง แถมวัสดุที่ใช้ก็ยังเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้สร้างอากาศยานเลยทีเดียวครับ
DC iPurifier2 Active Audio Noise Filter
DC iPurifier2 ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดสัญญาณรบกวนที่มาจากตัวเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรงครับ ช่วยให้สัญญาณมีความสะอาดตั้งแต่ต้นทางนั่นก็คือไฟฟ้าที่จะเข้ามาหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ของเรานั่นเอง สามารถดักจับ noise ได้ตั้งแต่ 1Hz ไปจนถึง 5GHz และรองรับแรงดันไฟฟ้าได้มากถึง 24 โวลท์ สามารถใช้งานกับอะแดปเตอร์ของเพาเวอร์ซัพพลายได้อย่างหลากหลายอีกด้วยครับ วัสดุทุกอย่างที่ใช้ก็เป็นเกรดระดับทางทหาร ถือว่าเป็นด่านแรกในการฟังเพลงที่คุ้มค่าน่าลงทุนครับ
iPurifier 3-B USB Audio and Data Signal Filter Type A and Type B
iPurifier 3-B รุ่นใหม่ล่าสุดของ iPurifier ที่ยังคงพื้นฐานอันยอดเยี่ยมมากจาก iPurifier2 ไม่ว่าจะเป็น Active Noise Cancellation II เทคโนโลยี REBalance / REclock และ REgenerate และได้เพิ่มออฟชั่นใหม่ๆเข้าไปเช่น คาปาซิสเตอร์คุณภาพสูงจาก OS-CON ที่ช่วยลดเสียงรบกวนให้ดียิ่งขึ้น มี EMI shielding ที่ช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นวิทยุและคลื่นแม่เหล็กได้ ส่วนของหัวเชื่อมต่อก็ทำจาก Solid-Aluminum คุณภาพสูง จะเห็นได้ว่าทุกชิ้นส่วนของ iPurifier 3-B ถูกอัพเกรดให้ดียิ่งขึ้นจนเป็นที่หนึ่งในรุ่นของ iFi Audio เลยล่ะครับ
Conclusion
สำหรับการใช้งานในระดับเริ่มต้นผ่านพอร์ท USB นั้น iSilencer สามารถตอบโจทย์การกำจัดสัญญาณรบกวนได้อย่างเพียงพอครับ แต่ถ้าต้องการความสงัดของพื้นหลังที่มากขึ้น มีการป้องกันสัญญาณรบกวนได้อย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็น Digital Error, นอยซ์ที่มาจากระบบไฟฟ้า หรือการป้องกันคลื่นกวนจากสัญญาณวิทยุหรือคลื่นแม่เหล็ก iPurifier จะสามารถทำได้ดีกว่า ซึ่งก็ตามมาด้วยค่าตัวที่มากขึ้นอีก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าครับ ถือว่าทั้งสองรุ่นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการระบบการฟังเพลงที่สมบูรณ์แบบครับ