JH AUDIO Layla VS Angie สองคัสต้อมตัวท็อปที่แตกต่าง
JH Audio ชื่อนี้ไม่ทำให้ผิดหวังโดยเฉพาะหูฟังคัสตอมระดับ Professional ที่นักดนตรีและซาวด์เอนจิเนียร์ระดับโลกล้วนให้การยอมรับ วันนี้เราจะมาดูเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 รุ่นใหญ่ประจำค่ายอย่าง Layla และ Angie มาดูกันว่าหูฟังคัสต้อมระดับตัวจบ 2 รุ่นนี้จะมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างครับ
JH AUDIO Layla VS Angie
1.ความแตกต่างของไดรเวอร์
JH AUDIO Layla : 12 Balanced Armature Drivers (Quad Low, Quad Mid, Quad High)
JH AUDIO Angie : 8 Balanced Armature Drivers (Dual Low, Dual Mid, Quad High)
แน่นอนว่าด้วยความเป็นลูกพี่ใหญ่ตัวท็อปของค่าย ทำให้ Layla ได้รับการจัดเต็มด้วยจำนวนไดรเวอร์แบบ BA ถึง 12 ตัว แบ่งเป็นย่านสูง, กลาง และต่ำอย่างละ 4 ตัว ส่วนของ Angie นั้นถึงจะมีไดรเวอร์น้อยกว่า แต่ด้วยจำนวนไดรเวอร์ถึง 8 ตัวแบ่งเป็นย่านต่ำและย่านกลางอย่างละ 2 ตัวบวกด้วยย่านเสียงสูงอีก 4 ตัวก็เรียกได้ว่าเป็นหูฟังที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะครับ
ถึงจำนวนไดรเวอร์จะไม่เท่ากันแต่เมื่อดูตามสเปคแล้วด้าน Frequency Response ของทั้ง 2 รุ่นนั้นเท่ากันเป๊ะๆอยู่ที่ 10Hz ถึง 23 kHz เท่ากันทั้งคู่ครับ ฉะนั้นข้อแตกต่างจะไปอยู่ที่การเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่จะไม่เท่ากันมากกว่า รวมไปถึงโทนเสียงด้วย ซึ่งในจุดนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ใช้งานเลยล่ะครับ
2.อัพเดทสายสัญญาณรุ่นใหม่ทั้งคู่
JH AUDIO Layla & Angie : Premium 7-Pin Litz Wire Connector with Built-in O-ring
ทั้งสองรุ่นได้รับการอัพเกรดขั้วต่อสายสัญญาณแบบใหม่เป็นที่เรียบร้อยเหมือนกันทั้งคู่ครับ ซึ่งจะเป็นขั้วต่อแบบใหม่ระบบ 7-pin Cable Connector ที่มาพร้อมกับตัว O-Ring ไว้บิดล็อคให้การเชื่อมต่อขั้วเข้ากับช่องอินพุตที่ตัวหูฟังมีความแน่นหนาเป็นพิเศษ รับรองว่าไม่มีการที่ขั้วต่อจะหลุดออกมาโดยอุบัติเหตุอย่างแน่นอนครับ
นอกจากขั้วต่อรุ่นใหม่แล้ววัสดุที่ใช้เป็นตัวนำสัญญาณก็ยังเป็นแบบ High Purity OFC 4N Silver-Plated Cable หรือก็คือตัวนำสัญญาณที่ทำจากเงินแบบปราศจากออกซิเจนคุณภาพสูง ช่วยให้ปราศจากสนิมและส่งสัญญาณได้ราบลื่นสุดๆ
3. อัดเต็มเทคโนโลยีเฉพาะจาก JH Audio
ทั้งสองรุ่นได้รับการจัดเต็มเทคโนโลยีเฉพาะประจำค่ายมาให้ครบทั้ง 3 อย่างครับ ประกอบไปด้วย
- Freqphase Waveguide : เป็นเทคโนโลยีที่ใช้จัดการเรื่อง phase ซึ่งจะทำให้การทำงานของไดรเวอร์ทุกตัวเป็นไปอย่างพร้อมเพรียง ช่วยให้แต่ละความถี่มาถึงหูของเราได้อย่างเท่าๆกัน ซึ่งทาง JH Audio ใช้ระบบที่เรียกว่า Triple Bore ใช้ท่อนำเสียงที่ทำมาจากแสตนเลสมาจัดการในเรื่องนี้ครับ
- Sounddrive Technology : เป็นวิธีการจัดวางตำแหน่งไดรเวอร์โดยเฉพาะชุด Quad Driver ให้มีขนาดกะทัดรัดพอที่จะติดตั้งลงไปในหูฟังได้โดยไม่ทำให้หูฟังใหญ่จนเกินไปครับ
- Acoustic Sound Chamber : เป็นการขึ้นรูปหูฟังด้วยระบบ 3D Printed ที่คำนึงถีงระบบอะคูสติค รวมไปถึงความสะดวกในการใช้งานที่ช่วยป้องกันเหงื่อทำให้เราทำความสะอาดได้ง่าย
4. ปรับแต่งเสียงเบสเพิ่มเติมได้ตลอด
ทั้ง Layla และ Angie ยังมาพร้อมระบบ Bass Attenuator ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณสายสัญญาณทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเพิ่มปริมาณเบสของหูฟังได้จากระดับมาตราฐานที่ 0dB ไปจนถึงสูงสุดที่ 15dB ช่วยให้ตอบสนองการฟังเพลงได้หลากหลาย จะฟังแบบธรรมชาติหรือบูสเบสเพิ่มความมันส์ก็ได้ทั้งนั้นครับ
5. แตกต่างที่ไดรเวอร์ เหมือนกันในเรื่องสเปค
ถ้าไม่นับเรื่องของจำนวนไดรเวอร์แล้ว ทั้ง Layla และ Angie ถือว่าเท่าเทียมกันในทุกจุดเลยครับอย่างเช่น Technical Spec
- Frequency Response: 10Hz to 23 kHz
- Input Sensitivity: 117 Db @ 1mW
- Noise Isolation: -26 Db
ในสามข้อนี้เท่ากันเป๊ะๆ อาจจะต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของอิมพีแดนซ์ซึ่ง Layla จะอยู่ที่ 20 โอห์ม และ Angie จะอยู่ที่ 17 โอห์ม ซึ่งในทางการใช้งานจริงถือว่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญครับ ทั้งคู่สามารถใช้งานกับเพลเยอร์หรือสมาร์ทโฟนได้อย่างไม่มีปัญหา ขับง่ายสบายเครื่อง แถมยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้ถึง -26 เดซิเบลเหมือนกัน ซึ่งเป็นข้อดีอีกอย่างของการใช้หูฟังคัสต้อมเลยล่ะครับ
ทั้ง JH Audio Layla และ Angie จัดอยู่ในหมวดหูฟังคัสต้อมระดับโปรทั้งคู่ครับ ถ้าต้องการหูฟังคุณภาพสูงสักอันนึงเนี่ยไม่ต้องกังวงเรื่องสเปคมากเลยครับ รับรองว่าสุดยอดแน่นอน สิ่งเดียวที่สำคัญในการตัดสินใจว่าจะหารุ่นไหนมาใช้งานน่าจะเป็นเรื่องแนวเสียงมากกว่าครับ ซึ่งสามารถเข้ามาทดลองฟังตัวเป็นๆได้ที่ JABEN ครับผม