JH AUDIO SHARONA vs LAYLA ใหม่เทียบคลาสสิค ความเหมือนที่แตกต่าง
การมาถึงของ SHARONA ทำให้ JH Audio มีหูฟังคัสตอมระดับเรือธงเพิ่มขึ้นมาอีกรุ่นเบียดกับเจ้าตำแหน่งเดิมอย่าง LAYLA สำหรับผู้ที่สนใจหูฟังคัสตอมตัวจบจาก JH Audio อยู่ล่ะก็ต้องอยากรู้ความต่างของทั้งสองรุ่นแน่ๆ ซึ่งวันนี้เรานำมาให้ชมเรียบร้อยครับ
JH AUDIO Flagship In-Ear Monitors
JH Audio SHARONA | JH Audio LAYLA |
ไดรเวอร์ Balanced Armature 16 ตัวต่อข้าง | ไดรเวอร์ Balanced Armature 12 ตัวต่อข้าง |
Quad-Low, Quad Low-Mid, Quad High-Mid, Quad-Super Tweeter | Quad-Low, Quad-Mid, Quad-High |
ระบบครอสโอเวอร์แบบ True 4-way Integrated Crossover | ระบบครอสโอเวอร์แบบ Integrated 4th Order crossover |
เทคโนโลยี Freq|phase | เทคโนโลยี Freq|phase |
ขั้วต่อแบบใหม่ T2 ซึ่งเป็นขั้ว 2-pin เฉพาะของ JH Audio | ขั้วต่อระบบ 7-pin Cable Connector แข็งแรงทนทาน |
สามารถเพิ่ม Bass Output ได้สูงสุดถึง +10dB ผ่านรีโมทที่สาย |
หูฟังมอนิเตอร์ระดับไฮเอนด์ที่เนี๊ยบทั้งคู่
เรื่องฮาร์ดแวร์ของตัวหูฟังคงไม่ต้องเปรียบเทียบครับเพราะว่าเนี๊ยบสุดๆทั้งคู่ การขึ้นรูปบอดี้ทั้งหมดยังคงเป็นการขึ้นรูปหูฟังด้วยพิมพ์ 3 มิติ
และใช้ดีไซน์ที่เรียกว่า Acoustic Sound Chamber ซึ่งเป็นดีไซน์เฉพาะของทาง JH Audio เองซึ่งส่งผลต่อคุณภาพเสียงและเป็นการออกแบบที่ช่วยกันเหงื่อและสิ่งสกปรกต่างๆได้ดีขึ้น ทำให้ไม่ต้องทำความสะอาดเยอะและยังส่งผลต่ออายุการใช้งานของตัวหูฟังด้วยครับ
เรื่องของการป้องกันเสียงรบกวนก็ทำได้ดีเยี่ยม เป็นหูฟังแบบ Passive Noise Cancellation ที่ลดเสียงภายนอกได้ถึง -26dB เลยทีเดียว
สำหรับจุดที่แตกต่างกันสำหรับภายนอกของทั้งสองรุ่นจะเป็นขั้วต่อหูฟังครับ สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง SHARONA ก็จะเปลี่ยมาใช้ขั้วที่เรียกว่า T2 ซึ่งเป็นขั้ว 2-Pin ของ JH Audio เค้าครับ
ส่วนของ LAYLA ก็ถือว่าเป็นขั้วต่อรุ่นใหม่เหมือนกันนั่นก็คือ 7-pin Cable Connector ที่มีตัวล็อคอะลูมิเนียมอย่างดีทำให้การเชื่อมต่อแน่นหนามากๆ
ส่วนของสายสัญญาณนั้นอยู่ในเกรดพรีเมี่ยมเหมือนกันทั้งคู่ เป็นสายเคเบิล Litz ชุบเงิน OFC 4N ความบริสุทธิ์สูงนั่นเองครับ
จัดเต็มกับไดรเวอร์ Balanced Armature
ไดรเวอร์ของทั้งสองรุ่นจัดว่าเยอะสุดๆแล้วครับ เรียกว่าแทบจะไม่มีคู่แข่งเจ้าไหนที่ใช้ระบบ Multi Driver เยอะขนาดนี้ เริ่มกันที่ LAYLA ที่ใช้ไดรเวอร์ BA มากถึง 12 ตัวเข้าไปแล้ว แบ่งเป็น
- Quad-Low
- Quad-Mid
- Quad-High
สำหรับ LAYLA ที่ว่าเยอะแล้วมาเจอกับรุ่นใหม่ SHARONA เข้าไปให้มาเยอะกว่าเดิมอีก นั่นคือไดรเวอร์ BA ที่มากถึง 16 ตัวต่อข้างครับ แบ่งเป็น
- Quad-Low
- Quad Low-Mid
- Quad High-Mid
- Quad-Super Tweeter
การเก็บรายละเอียดของความถี่ต่ำถือว่าทำได้เท่ากันครับ ทั้งคู่สามารถลงลึกได้ถึงช่วง 10Hz แต่การไต่ไปย่านความถี่สูง SHARONA จะทำได้ดีกว่าครับ
ด้วยเทคโนโลยี RAU Quad Supertweeter จาก Knowles ที่ JH Audio เลือกเอามาใช้งานทำให้ตอบสนองย่านความถี่ได้ถึง 25kHz ส่วนของ LAYLA จะไปสูงสุดอยู่ที่ 23kHz ซึ่งก็ถือว่าสูงมากแล้วครับ สามารถตอบโจทย์ Hi-Res Audio ได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีที่ทัดเทียมกัน
เรื่องของเทคโนโลยีเฉพาะตัวของ SHARONA และ LAYLA ถือว่าเท่ากันทั้งคู่ครับ หูฟังตัวท็อปของ JH Audio ทั้งที ลูกเล่นทุกอย่างจัดเต็มอยู่แล้ว
ไมาว่าจะเป็นระบบครอสโอเวอร์ 4-way Crossover ที่ควบคุมจุดตัดย่านความถี่ของไดรเวอร์แต่ละชุดได้อย่างลงตัว
และยังมีเทคโนโลยี Freqphase Time & Phase Waveguide ที่จะดูแลการเดินทางของเสียงในแต่ละย่านความถี่ให้มีความสมดุลไม่เกิดการทับซ้อนกันของความถี่จนสูญเสียรายละเอีดไปครับ
ต่างกันที่ Bass Output
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนของทั้งสองรุ่นจุดสุดท้ายจะอยู่ที่ลูกเล่นในการปรับเพิ่ม Bass Output ของ LAYLA ที่ SHARONA จะไม่มีครับ
สำหรับผู้ใช้งาน LAYLA ที่สายสัญญาณจะมีรีโมทสำหรับให้เราปรับเพิ่มความดังของ Low Frequency ได้อีกร่วม 10dB ครับ ถ้าบางอารมณ์คุณอยากได้เบสหนักๆแต่บางอารมณ์ก็อยากฟังซาวด์คลีนๆสะอาดๆ LAYLA ก็จะตอบโจทย์กว่าครับ
ส่วน SHARONA คาดว่าทาง JH Audio ปั้นโทนเสียงมาเป็นพิเศษแล้วคงไม่อยากให้ผู้ใช้ไปปรับแต่งให้เสียคาแรคเตอร์จึงไม่มีลูกเล่นนี้มาให้ครับ
JH AUDIO SHARONA vs LAYLA
คงไม่ต้องถามหาหูฟัง Custom In-Ear Monitor ที่ไหนที่จะสุดไปกว่า JH Audio SHARONA และ LAYLA แล้วล่ะครับ นี่คือท็อปออฟเดอะไลน์ที่ศิลปินระดับโลกมากมายยังให้การยอมรับ
มาทดสอบคุณภาพเสียงของ JH Audio ด้วยตัวคุณเอง รับรองว่าฟันธงได้ไม่ยากแน่นอนครับ