Streamer VS Bluetooth Receiver ความเหมือนที่แตกต่าง
ถึงแม้ว่าดูเผินๆแล้วจะเป็นอุปกรณ์ที่มีความคล้ายกัน แต่หน้าที่ในการทำงานของ Music Streamer และ Bluetooth Receiver ก็แตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ สำหรับผู้ที่กำลังสนใจเข้าสู่วงการฟังเพลงแบบไร้สายอยู่ล่ะก็ ลองมาทำความเข้าใจกับอุปกรณ์ทั้งสองตัวนี้กันก่อนดีกว่า จะได้หาซื้อไปใช้งานได้ถูกต้องตรงตามจุดประสงค์ของเราครับ
ก้าวเข้าสู่ยุคของ Wireless Home Audio
ปฎิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เราเข้าสู่ยุคของระบบการฟังเพลงแบบไร้สายหรือ Wireless Home Audio กันอย่างเต็มตัวแล้วนะครับ เพราะว่าเราสามารถฟังเพลงได้อย่างง่ายดายผ่านโทรศัพท์มือถือ และการฟังเพลงร่วมกับชุดเครื่องเสียงก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีกเพราะเรามีทั้ง Music Streamer และ Bluetooth Receiver ที่ทำให้เราส่งข้อมูลจากคลังเพลงอันมหาศาลบนโลกออนไลน์เข้าถึงชุดเครื่องเสียงได้อย่างรวดเร็ว
แต่อุปกรณ์ทั้งสองแบบนี้ก็มีหน้าที่เฉพาะที่ชัดเจนมากๆครับ อย่าพึ่งเข้าใจผิดว่าทั้งสองคืออุปกรณ์ประเภทเดียวกันเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นถ้าซื้อมาโดยไม่ได้เช็คฟังค์ชั่นที่ตรงกับการใช้งานของเราก่อนก็อาจจะน้ำตาร่วงได้ครับ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าได้อ่านบทความนี้แล้วเราจะไม่มีทางเลือกผิดอย่างแน่นอนครับผม
เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ก็ต้อง Bluetooth Receiver เท่านั้น
สำหรับ Bluetooth Receiver น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่เราสับสนน้อยที่สุดแล้ว เพราะว่ามันมีหน้าที่รับสัญญาณ Bluetooth จากอุปกรณ์ฟังเพลงหรือว่า Source ของเราอย่างเช่นโทรศัพท์โดยตรง ไม่ว่าเราจะฟังเพลงผ่านคลังเพลงในเครื่องหรือสตรีมมิ่งผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆเช่น YouTube, Spotify หรือว่า Tidal ก็ตาม
หลักการทำงานก็คือ Source ของเราจะแปลงข้อมูลเพลงที่เรากำลังเล่นอยู่แล้วส่งสัญญาณแบบไร้สายผ่านระบบ Bluetooth ไปยังตัวรับสัญญาณนั่นก็คือ Bluetooth Receiver จากนั้นถึงจะส่งสัญญาณไปยังลำโพงหรืออุปกรณ์อื่นๆตามแต่ที่เราต้องการอีกที
การทำงานของ Bluetooth Receiver ถือว่าง่ายและไม่ซับซ้อนครับ นั่นก็คือการส่งสัญญาณจาก Source ไปยัง Receiver โดยตรง ทีนี้คุณภาพของเสียงก็จะขึ้นอยู่กับ codec ที่ Source เรามีและตัว Receiver ของเรารองรับซึ่งเดี๋ยวเราจะอธิบายอีกทีครับ
ฟังเพลงผ่าน Wi-Fi หรือว่า LAN ก็ต้องเป็น Music Streamer
ส่วนของ Music Streamer จะเหมาะกับการฟังเพลงผ่านเครือข่ายไร้สายอย่างเช่น Wi-Fi หรือจะเชื่อมต่อผ่านระบบสายแต่มีความรวดเร็วกว่าอย่าง LAN ก็ได้ครับ
Music Streamer สามารถทำงานได้เหมือนกับ Bluetooth Receiver แต่ว่ามีความรวดเร็วและส่งข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดีกว่าผ่านการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi แต่ว่าเราจำเป็นต้องมีตัวกลางในการจ่ายสัญญาณ Wi-Fi ให้ Streamer และโทรศัพท์ของเราเชื่อมต่อกันได้นั่นก็คือ Router ที่อยู่ในบ้านนั่นเองครับ
อีกฟังค์ชั่นการใช้งาน Music Streamer ร่วมกับโทรศัพท์ของเรา ก็คือทั้งสองอุปกรณ์จะไม่ได้ส่งสัญญาณหากันโดยตรงแล้ว เมื่อเรากดเพลงฟังผ่านแอพพลิเคชั่นสัญญาณจะไม่ได้ถูกส่งจากโทรศัพท์ไปยังสตรีมเมอร์ แต่จะเป็นการสั่งการให้สตรีมเมอร์เข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ทเพื่อดึงข้อมูลเพลงออกมาจากเน็ทเวิร์คโดยตรง
ระบบนี้จะให้คุณภาพของเสียงที่ดีกว่าเนื่องจากความสามารถในการส่งข้อมูลของ Wi-Fi และถ้าเป็นระบบ LAN ก็ยังไม่มีการสูญเสียข้อมูลไปในอากาศเหมือนกับ Bluetooth อีกด้วยครับ
เปรียบเทียบความสามารถในการทำงานระหว่าง Streamer และ Bluetooth Receiver
- คุณภาพเสียง
เริ่มประเด็นแรกกับสิ่งที่หลายๆคนสนใจมากที่สุด นั่นก็คือคุณภาพเสียงว่าแบบไหนดีกว่ากัน สำหรับข้อนี้ Streamer ดูจะได้เปรียบกว่าชัดเจนด้วยความสามารถในการส่งสัญญาณที่ดีกว่า หรือจะเป็นการดึงข้อมูลจากเน็ทเวิร์คโดยตรงซึ่งไม่มีการสูญเสียข้อมูลไปบนอากาศแบบ Bluetooth
ถึงแม้ว่าฝั่ง Bluetooth จะมี codec คุณภาพสูงมากมายอย่างเช่น aptX HD, LDAC หรือว่า HWA ก็ตาม แต่ก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของตัวส่งสัญญาณนั่นก็คือโทรศัพท์และตัว Bluetooth Receiver เองต้องรองรับ codec ดังกล่าวเหมือนกันทั้งคู่ถึงจะใช้งานได้ครับ
ต้องยอมรับว่า Wi-Fi มี Bandwidth ที่ดีกว่า Bluetooth ซึ่งข้อนี้ส่งผลต่อเรื่องคุณภาพเสียงพอสมควร ถ้าคุณซีเรียสหรือต้องการเซ็ทชุดฟังเพลงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด Music Streamer ก็จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าครับ
- ความสะดวกในการใช้งาน
ข้อนี้ต้องกลับมายกประโยชน์กับ Bluetooth Receiver บ้างครับ ถ้าใครเคยใช้งานโทรศัพท์เชื่อมต่อเข้ากับลำโพงบลูทูธเพื่อฟังเพลง การใช้งาน bluetooth Receiver ก็ง่ายอย่างงั้นเลยครับ แค่ Pair อุปกรณ์ระหว่างโทรศัพท์เข้ากับ Bluetooth Receiver เท่านี้เราก็พร้อมใ้ชงานได้ทันที
แต่สำหรับ Streamer จะยุ่งยากกว่าเล็กน้อยเพราะเราจำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่าการเชื่อมต่อต่างๆของระบบเน็ทเวิร์คให้ถูกต้องเสียก่อนถึงจะใช้งานสตรีมเมอร์ได้ครับ ฉะนั้นถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงมากนักและเน้นความง่ายในการใช้งานก็มุ่งหน้าไปที่ bluetooth Receiver ได้เลยครับ
- ระยะในการใช้งาน
อีกข้อที่น่าสนใจก็น่าจะเป็นระยะในการใช้งานครับ ยิ่งเป็นการใช้งานในบ้านด้วยแล้ว Bluetooth ค่อนข้างจะเสียเปรียบ Streamer อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าในระบบ Bluetooth 5.0 ที่มีระยะในการส่งสัญญาณไกลหลายสิบเมตร แต่สำหรับการใช้งานในบ้านที่มีผนังกั้นก็มีโอกาสที่สัญญาณจะดรอปได้ง่ายกว่า ซึ่ง Wi-Fi ก็อาจจะมีปัญหาบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอยู่ดีครับ
ยังไม่รวมถึงเรื่องของระบบ Multi-Room ที่ Wi-Fi ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยตรงทำให้คุณสั่งการฟังเพลงจากบริเวณไหนในบ้านก็ได้ ขอให้สัญญาณ Wi-Fi ไปถึงเป็นพอครับ
ไม่ต้องซื้อแยกเพราะ Streamer พร้อม Bluetooth Receiver แบบรวมฮิตก็มี
ก่อนอื่นถ้าจะดูว่าคุณเหมาะสำหรับ Streamer หรือ Bluetooth Receiver มากกว่ากันก็สามารถสรุปได้แบบง่ายๆดังนี้ครับ
- ถ้าเน้นคุณภาพเสียงเลือก Streamer
- ถ้าเน้นความสะดวกและค่าตัวที่ประหยัดกว่าเลือก Bluetooth Receiver
แต่ในกรณีที่คุณไม่อยากเลือกก็มีอุปกรณ์ที่รวมร่าง Streamer และ Bluetooth Receiver เอาไว้ในเครื่องเดียวให้เลือกใช้งานเช่นเดียวกันครับ ยกตัวอย่างเช่น DAC/Amp + Streamer อย่าง Shanling EM5 เป็นต้น ที่รวมทั้งสองฟังค์ชั่นเอาไว้เสร็จสรรพในเครื่องเดียว ทำให้เรามีตัวเลือกในการใช้งานที่หลากหลายเรียกว่าตัวเดียวจบไม่ต้องไปหาซื้ออย่างอื่นเพิ่มเติมทั้งนั้นครับ