JH Audio คัสต้อมปี 2021 ต้องรุ่นนี้ LAYLA VS RoXanne VS JOLENE
LAYLA, RoXanne และ Jolene สามทหารเสือตัวท็อปจากค่าย JH Audio ที่มีสเปคกินขาด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังคัสต้อมระดับท็อปไลน์ไดมอนด์ที่อัดเทคโนโลยีมาให้แบบเต็มๆ สามารถถ่ายทอดทุกรายละเอียดเสียงได้แบบไม่มีตกหล่นแม้แต่นิดเดียว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักฟังที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ และมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำสูงเป็นพิเศษครับ
ในบทความนี้เราจะมาดูรายละเอียดของเรือธงทั้ง 3 รุ่นให้เห็นสเปคเปรียบเทียบกันแบบจะๆในทีเดียวไปเลยครับ
JH Audio LAYLA Custom In-ear Monitor
จุดเด่น
- หูฟังคัสตอมระบบ Balanced Armature ข้างละ 12 ตัว
- ช่วยลดเสียงรบกวน หรือ Noise Isolation ได้ถึง -26dB
- สามารถปรับเพิ่ม Bass Output ได้สูงสุดถึง +10dB ผ่านรีโมทที่สายสัญญาณ
- ขั้วต่อแบบใหม่ระบบ 7-pin Cable Connector แข็งแรงทนทาน
- ใช้ระบบครอสโอเวอร์แบบIntegrated 4th Order crossover
- เทคโนโลยี Freq|phase ที่ช่วยให้การทำงานของทุกความถี่พร้อมเพรียงกัน
- สายสัญญาณทำจากเงิน OFC คุณภาพสูง ปราศจากสนิมและส่งสัญญาณได้ราบลื่นสุดๆ
JH Audio RoXanne Custom In-ear Monitor
จุดเด่น
- หูฟังคัสตอมระบบ Balanced Armature ข้างละ 12 ตัว
- ช่วยลดเสียงรบกวน หรือ Noise Isolation ได้ถึง -26dB
- สามารถปรับเพิ่ม Bass Output ได้สูงสุดถึง +15dB ผ่านรีโมทที่สายสัญญาณ
- ขั้วต่อแบบใหม่ระบบ 7-pin Cable Connector แข็งแรงทนทาน
- ใช้ระบบครอสโอเวอร์แบบ Integrated 3-way crossover
- เทคโนโลยี Freq|phase ที่ช่วยให้การทำงานของทุกความถี่พร้อมเพรียงกัน
- สายสัญญาณทำจากเงิน OFC คุณภาพสูง ปราศจากสนิมและส่งสัญญาณได้ราบลื่นสุดๆ
JH Audio Jolene Custom Hybrid In-Ear Monitor
จุดเด่น
- หูฟังคัสต้อมระบบไฮบริดใช้ไดรเวอร์ 12 ตัวต่อข้าง
- ใช้ไดนามิคไดรเวอร์จำนวน 4 ตัวสำหรับย่าน Low และ Mid Low
- ใช้ Balance Armature ไดรเวอร์จำนวน 8 ตัวสำหรับย่าน High-Mid และ Ultra-High
- ขั้วต่อแบบใหม่ 7 พิน Litz ระดับพรีเมี่ยมพร้อมโอริงสำหรับล็อคขั้วต่อ
- สายสัญญาณคุณภาพชุบเงิน OFC 4N ความบริสุทธิ์สูง
- ระบบ Triple Bore พร้อมเทคโนโลยี Freqphase ช่วยให้เสียงจากไดรเวอร์ทุกตัวทำงานได้อย่างพร้อมเพรียง
ระบบไดรเวอร์ 12 ตัว
JH Audio LAYLA : Frequency Response 10Hz to 23 kHz
JH Audio RoXanne :Frequency Response 10Hz to 23 kHz
JH Audio Jolene : Frequency Response 20 Hz to 23 kHz
จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 รุ่นยืนพื้นอยู่ที่ไดรเวอร์จำนวนทั้งหมด 12 ตัวเท่ากันทุกรุ่นครับ สำหรับ LAYLA และ RoXanne จะมีการดีไซน์ไดรเวอร์ที่ถอดแบบกันมาเลย โดยใช้ไดรเวอร์แบบ Balance Armature แบ่งหน้าที่กันอย่างเจนโดยใช้ควบคุมย่านเสียงสูง, กลาง และต่ำอย่างละ 4 ตัว ทำให้การแสดงรายละเอียดทุกย่านความถี่นั้นทำได้เยอะมากๆ มีความแม่นยำสูงสมกับเป็นหูฟังมอนิเตอร์ สามารถไต่ความถี่ตั้งแต่ 10 Hz จนไปได้สูงถึง 23 kHz เลยทีเดียวครับ
แต่ในส่วนของ Jolene นั้นจะต่างจากรุ่นพี่ซักหน่อยครับ ด้วยความที่เป็นหูฟังเรือธงน้องใหม่ ทำให้ทาง JH Audio เลือกที่จะเปลี่ยนมาใช้ระบบไดรเวอร์แบบ Hybrid แทน ซึ่งยังคงใช้ไดรเวอร์จำนวน 12 ตัวเท่าเดิม แต่จะแบ่งเป็นไดรเวอร์ไดนามิคจำนวน 4 ตัวสำหรับย่าน Low และ Mid-Low ส่วนอีก 8 ตัวนั้นจะแบ่งไปคุมย่าน Mid-High ไปจนถึง Ultra-High
ซึ่งแนวคิดที่ใช้ระบบไดรเวอร์แบบนี้มาจากการที่คุณ Jerry Harvey เจ้าของค่ายต้องการหูฟังที่สามารถตอบสนองต่อเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ และให้คาแรคเตอร์ของซาวด์แบบอะนาลอคมากที่สุดนั่นเองครับ สำหรับการตอบสนองความถี่ต่ำอาจลงลึกไม่ได้เท่ากับรุ่นพี่ทั้งสองต่างกันแค่ 10 Hz เท่านั้น แต่ก็ถือว่าน้อยมากครับ ในทางปฎิบัติแล้วหูคนส่ในใหญ่จะแยกความถี่ตรงนี้ได้ยากด้วยครับ
ระบบ Patent Pending Variable bass output
JH Audio LAYLA : adjustable bass 0 to +10db
JH Audio RoXanne : adjustable bass 0 +/- 15db
JH Audio Jolene : adjustable bass 0 +/- 15db
ทั้ง 3 รุ่นยังคงมีระบบในการเพิ่มปริมาณเสียงเบสผ่านตัวคอนโทรลที่บริเวณสายสัญญาณเหมือนกันหมดครับ ต่างกันที่ LAYLA นั้นสามารถบูสความถี่ต่ำไปได้สูงสุดอีก 10dB ส่วน RoXanne กับ Jolene นั้นสามารถเพิ่มได้มากถึง 15dB เลยทีเดียว
ค่า Sensitivity และ Impedance
JH Audio LAYLA : Input Sensitivity: 117dB @ 1Mw / Impedance: 20 Ohms
JH Audio RoXanne :Input Sensitivity: 119dB @ 1Mw / Impedance: 15 Ohms
JH Audio Jolene :Input Sensitivity: 114dB @ 1Mw / Impedance: 10 Ohms
เอาเข้าจริงๆแล้วทั้ง 3 รุ่นถือว่ามีค่า Sensitivity ที่ค่อนข้างว่องไว และมีอิมพีแดนซ์ที่ต่ำครับ สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อย่างสบายๆ ยิ่งเป็นเพลเยอร์คุณภาพดีล่ะก็ถือว่าเหลือเฟือเลย แต่ถ้าชอบการตอบสนองที่ว่องไวต่อแอมป์ขนาดเล็กๆล่ะก็นาทีนี้ก็ต้องน้องใหม่อย่าง Jolene เค้าล่ะครับ
ระบบ Crossover ที่แตกต่าง
JH Audio LAYLA : Integrated 4th Order crossover
JH Audio RoXanne : Integrated 3-way crossover
JH Audio Jolene : Integrated 4-way Crossover
ทั้งสามรุ่นมีระบบครอสโอเวอร์ที่แตกต่างกัน ราวมถึงการออกแบบจุดตัวครอสโอเวอร์ที่ไม่เท่ากันด้วยครับ แต่ทุกรุ่นยังถูกออกแบบให้ไม่มีความผิดพลาดในการถ่ายทอดเสียงทุกย่านความถี่ ไม่มีจุดไหนที่จะตกหล่นไปได้แน่นอน แต่ความแตกต่างของระบบครอสโอเวอร์จะส่งผลต่อโทนเสียงของทั้ง 3 รุ่นมากกว่าครับ ซึ่งในจุดนี้จำเป็นต้องพึ่งการทดลองฟังดูแล้วล่ะครับว่าระบบไหนจะถูกใจ ถูกหูของคุณมากกว่ากัน
อัดเทคโนโลยีของ JH Audio มาให้เหมือนๆกัน
ในหัวข้อสุดท้ายนี้จะเป็นจุดร่วมกันของทั้ง 3 รุ่นแล้วล่ะครับ เพราะทั้งพี่ใหญ่อย่าง LAYLA พี่สอง RoXanne และน้องสาม Jolene ต่างก็ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีด้านเสียงที่ดีที่สุดจาก JH Audio มาอย่างเท่าเทียมกันครับ
FREQPHASE WAVEGUIDE
Freq | phase เป็นเทคโนโลยีที่ตอบสนองเรื่องเฟสได้แม่นยำที่สุดในตลาด โดยสร้างท่อนำเสียงแบบพิเศษที่จะทำให้การเดินทางของเสียงในแต่ละความถี่มาถึงหูคุณได้พร้อมเพรียงกันทำให้ไม่เกิดปัญหาเรื่อง phase cancellation
เทคโนโลยี SOUNDRIVE
เทคโนโลยี Soundrive เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ JH Audio สามารถติดตั้งไดรเวอร์แบบ BA Quad ลงไปในหูฟังได้ ทำให้ Jolene สามารถใช้ไดรเวอร์ได้สูงสุดถึง 12 ตัวต่อข้าง
ระบบอะคูสติก
Acoustic Sound Chamber เป็นการขึ้นรูปหูฟังด้วยพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งเป็นระบบแรกที่ทำให้หูฟังสกปรกยากขึ้น ช่วยลดความจำเป็นในการทำความสะอาดได้อีก
JH Audio ทั้ง 3 รุ่นถือว่าอัดแน่นมาด้วยที่สุดของเทคโนโลยี งานออกแบบ รวมไปถึงความประณีตในการผลิตหูฟังครับ รับประกันได้ว่าด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของ JH Audio บวกกับความเชื่อถือจากศิลปินระดับโลกที่ต่างก็เลือกใช้หูฟังเรือธงประจำค่าย จะไม่ทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆผิดหวังแน่นอนครับ ลองมาพิสูจน์ความเป็นสุดยอดของหูฟัง Custom in-ear monitor จาก JH Audio กันได้เลยครับ