ฟังเพลง Apple Lossless อัพเกรดเสียงไปกับหูฟังนี้
Apple Lossless เปิดให้ใช้งานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ใครที่ได้เริ่มทดลองฟังเพลงในระบบใหม่กันแล้วคงเห็นความแตกต่างของเสียงที่ได้ยินกันอย่างชัดเจนแล้วนะครับ ขอบอกว่าการเพิ่มคุณภาพเสียงเพลงให้กับการสตรีมมิ่งแบบนี้กระทั่งหูฟังทั่วๆไปก็ยังสามารถจับความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นได้ครับ แล้วถ้าเรามีหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงแบบ Hi-Res โดยเฉพาะ ลองคิดดูว่ามันจะเพลินขนาดไหนกันล่ะครับงานนี้
Apple Music with Lossless Quality
ย้ำกันอีกซักรอบว่าจากการฟังเพลงบน Apple Music ตามปกตินั้นจะให้เราฟังเพลงที่มาตราฐานไฟล์แบบ Lossy นั่นก็คือไฟล์ที่ถูก บีบอัด (Compressed) เพื่อให้มีขนาดเล็กพอที่จะสตรีมมิ่งได้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการที่คุณภาพเสียงถูกลดทอนลงไปนั่นเองครับ
แต่ทาง Apple ก็คงทานกระแสของการฟังเพลงที่เน้นคุณภาพเสียงเพิ่มขึ้นทุกวันๆไม่ไหวล่ะครับ เพราะแต่ละแพลทฟอร์มก็เริ่มขยับแข้งขยับขาเตรียมที่จะรองรับไฟล์แบบ Lossless กันหมดแล้ว ทำให้การฟังเพลงผ่าน Apple Music ในตอนนี้เราจะสามารถเข้าไปตั้งค่าเพื่อเลือกรายละเอียดในการสตรีมมิ่งได้ครับ โดยจะมี 2 แบบให้เลือกด้วยกันได้แก่
- Lossless for a maximum resolution of 24-bit/48 kHz
- Hi-Res Lossless for a maximum resolution of 24-bit/192 kHz
ซึ่งคุณภาพของเสียงเพลงที่ได้ยินก็จะเริ่มตั้งแต่ที่มาตราฐาน CD Quality ที่ 16Bit / 44.1kHz เป็นต้นไปครับ ขึ้นอยู่กับทางศิลปินว่าอัพโหลดเพลงมาให้เราฟังที่ความละเอียดสูงสุดเท่าไหร่ แต่จะเห็นว่าถ้าตั้งค่าสูงสุดจะไต่รายละเอียดเสียงไปได้สูงถึง 24-bit/192 kHz เลยทีเดียวซึ่งถือว่าเป็นมาตราฐานระดับ Hi-Res ที่สูงมากๆครับ
Hi-Res Headphone for Hi-Res Music
ต่อไปนี้ในการจะฟังเพลงจาก Apple Music ให้ได้เต็มอรรถรสล่ะก็อุปกรณ์ที่ดีก็จะมีส่วนไม่น้อยครับ จากคราวที่แล้วเราได้พูดถึง DAC/Amp กันไปแล้วงานนี้เราจะมาต่อกันเรื่องหูฟังบ้างล่ะครับ
อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นว่าหูฟังธรรมดาก็สามารถทำให้เรารู้สึกถึงคุณภาพเสียงที่เพิ่มเข้ามาได้แล้วครับ แต่ถ้าเราได้หูฟังที่ออกแบบมาเพื่อ Hi-Res Music โดยตรงล่ะก็จะยิ่งตอบโจทย์และทำให้เราใช้งาน Apple Music ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ
มาตราฐาน Hi-Res Headphone
หูฟังหลายรุ่นในปัจจุบันถูกผลิตขึ้นโดยมีมาตราฐาน Hi-Res Audio เป็นตัวการันตีว่าหูฟังรุ่นนั้นๆถูกออกแบบมาเพื่อไฟล์เพลงแบบ Hi-Res โดยเฉพาะ ทีนี้หลายคนก็น่าจะเริ่มสงสัยแล้วว่า ไอ้หูฟัง Hi-Res เนี่ยมันต่างจากหูฟังทั่วๆไปตรงไหนล่ะ?
ซึ่งเราก็ได้มีข้อกำหนดของทาง Japan Audio Society สำหรับหูฟังหรือลำโพงที่จะได้โลโก้ Hi-Res Audio ไปไว้ในครอบครอง ซึ่งหูฟังหรือลำโพงรุ่นนั้นจะต้องสามารถ “แสดงความถี่เสียงระดับ 40,000Hz (40kHz) หรือมากกว่าได้”
เพราะการสตรีมมิ่งเพลงที่มี Sample Rate สูงกว่า 44.1kHz ขึ้นไปจะสามารถตอบสนองต่อย่านเสียงแหลมได้มากกว่า 20,000 Hz ฉะนั้นพอเราได้ DAC ที่ตอบสนองความถี่ได้มากกว่าปกติ ก็ถึงคราวที่เราต้องใช้หูฟังที่ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วยครับ
จำเป็นต้องใช้หูฟัง Hi-Res อย่างเดียวมั้ย?
ต้องขอบอกว่าใช้ได้เช่นเดียวกันครับ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่ามันอาจจะทำให้เราไม่สามารถใช้งาน Apple Music ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเท่านั้นเองครับ
แอบบอกไว้ตรงนี้ก่อนนิดนึงว่ามีหูฟังหลายรุ่นที่ไม่ได้แปะป้ายมาตราฐาน Hi-Res Audio มาจากโรงงาน แต่ถ้าลองเข้าไปดูสเปคล่ะก็จะพบว่าสามารถตอบสนองความถี่เสียงได้ลึกกว่า 20Hz และไต่ความถี่สูงไปได้มากกว่า 20,000Hz ซึ่งหูฟังเหล่านี้ก็เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับ Apple Lossless เช่นเดียวกันครับ ฉะนั้นถ้าจะหาซื้อหูฟังใหม่ล่ะก็อย่าลืมเช็คสเปคกันให้ชัวร์ๆนะครับ
สำหรับใครที่อยากอ่านเรื่องของหูฟัง Hi-Res เพิ่มเติมล่ะก็สามารถเข้าไปอ่านบทความของเราตรง นี้ เพิ่มเติมได้ครับ
แนะนำหูฟัง Hi-Res ไปใช้งานร่วมกับ Apple Music
เพื่อเป็นการชี้โพรงให้กระรอกเราก็จะขอแนะนำตัวอย่างหูฟังคร่าวๆให้ดูกันนะครับ ว่ามีรุ่นไหนที่น่าเล่นบ้าง สำหรับการนำไปฟังเพลง Hi-Res ให้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยเราจะแบ่งไปตามประเภทของหูฟังละกันนะครับ
Full Size Headphone
- Focal Clear MG : พูดถึงหูฟัง Full Size เพื่อชาวออดิโอไฟล์คงไม่พูดถึง Focal ไม่ได้ นอกจากตอบสนองความถี่ได้เกินมาตราฐานแล้วเรื่องความสวยงามไม่เป็นสองรองใคร และยังกินพลังงานไม่เยอะสามารถใช้งานกับ DAC/Amp ขนาดเล็กได้สบายๆครับ
- Audio Technica ATH-ADX5000 : เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหูฟังแบบ Open-Back เพราะนี่คือสุดยอดหูฟังระดับเรือธงที่เริ่งคุณภาพเสียงสุดยอดเกินบรรยาย สามารถแสดงรายละเอียดเสียงไปได้ไกลถึง 50kHz เหมาะสำหรับผู้ต้องการอาวุธหนักครับ
- Sony MDR-Z1R : ตัวแรงจากค่าย Sony ให้รายละเอียดได้สูงชนิดที่เรียกว่าสูงปรี๊ดๆ ตอบสนองช่วงความถี่ 4 Hz – 120,000 Hz งานประณีตสุดๆๆ พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อแบบ Balanced 4.4mm. อีกด้วยครับ
In-Ear Headphone
- AAW A3H+ : ถอยลงมาเจอหูฟังที่ราคาซอฟท์ๆกันบ้างกับหูฟังรุ่นใหม่จาก AAW ที่ตอบสนองความถี่ได้มากถึง 40kHz ใช้ระบบ Hybrid Driver ระหว่าง BA และ Dynamic พร้อมกับเทคโนโลยี Nozzle-less Open Vented Armature (NOVA) รับประกันว่ารายละเอียดมาเต็มครับ
- DUNU DK-2001 : ตอบสนองรายละเอียดได้สูงเช่นเดียวกับ A3H+ พร้อมระบบไดรเวอร์ Hybrid ที่มากถึง 4 ตัว มีทีเด็ดที่ระบบ Quick Switch ทำให้เราสามารถถอดเปลี่ยนหัวแจ็คได้ทุกรูปแบบทันทีไม่ว่าจะเป็น Single-Ended หรือ Balanced
- FiiO FH5s : ตัวแรงรุ่นใหม่จาก FiiO ด้วยระบบไดรเวอร์ Hybrid 4 ตัวเช่นเดียวกัน แต่มีการออกแบบหูฟังให้เป็น Semi-Open ช่วยระบายแรงดันภายในหูฟังทำให้ฟังเพลงได้ดียิ่งขึ้น เป็นหูฟังที่ได้มาตราฐาน Hi-Res Audio มาจากโรงงานครับ
Custom In-Ear Headphone
- FitEar MH334 และ MH334 SR : ขยับไปที่หูฟังคัสตอมกันบ้างดีกว่า หูฟังในกลุ่มนี้บอกได้เลยว่าเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับ Hi-Res Audio มากๆ อย่างเรือธงของ FitEar รุ่นนี้ให้การตอบสนองความถี่ที่กว้างและเป็นธรรมชาติ เก็บรายละเอียดได้เยอะจนคุณต้องทึ่ง ให้เสียงร้องที่น่าฟัง อย่าได้เผลอลองเป็นอันขาดเพราะอาจจะวางไม่ลง
- FitEar DC : ขออนุญาตขยี้ FitEar อีกสักรุ่น เพราะ DC นั้นมาพร้อมไดรเวอร์แบบ Dynamic ผสมเข้ากับ Electrostatic ทำให้ตอบสนองต่อย่านเสียงแหลมได้ดีมากๆ เป็นหูฟังอีกรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อชาวออดิโอไฟล์โดยเฉพาะ
- JH Audio Jolene : ไม่พูดถึงค่าย JH Audio ก็คงจะบาปน่าดู พเราะนี่คือสุดยอดหูฟังคัสตอมจากอเมริกาที่ไม่อยากให้คุณพลาดครับ ดูจากสเปคอาจจะเห็นว่าไม่ได้ตอบสนองย่านเสียงแหลมได้ไกลโพ้นเหมือนกับรุ่นอื่นๆ แต่บอกได่เลยว่าให้เสียงแหลมที่คุณประทับใจแน่นอน ถ้าชอบซาวด์ที่สมจริงสมจัง เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ดขอบอกว่าไม่ควรพลาดครับ