รีวิว B&W PI7 หูฟังไร้สายรุ่นนี้ Bowers & Wilkins ทำมาให้ท็อป INSANELY GOOD

นี่น่าจะเป็นหูฟัง True Wireless ที่เสียงรีวิวทั่วโลกแตกออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน

ถ้าคุณค้นมาเจอบทความนี้ คงต้องสงสัยแน่ว่า หูฟังอะไรราคา 18,500 บาท แล้วมันจะดีจริงเหรอ?

ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงและมีชุดเครื่องเสียงติดบ้านและสามารถเรียกตัวเองว่าเป็น Audiophile คงอยากจะรู้ว่าเสียงมันดีสมยี่ห้อ B&W มั้ย?

ถ้าคุณไม่รู้จักแบรนด์นี้แต่ชอบฟังเพลงจากหูฟัง คงอยากจะรู้ว่าถ้าต้องจ่ายเงินหลักหมื่นแบบนี้มันจะดีได้อะไรบ้าง?

คำตอบขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบครับ แต่ที่แน่ๆ หูฟังรุ่นนี้มีทั้งที่ดีสุดโต่งและก็สิ่งที่มันยังไม่ใช่

DESIGN & BUILT QUALITY

Bowers & Wilkins PI7 มีจำหน่ายใน 2 สี คือ เทาเข้ม (Charcoal) กับ ขาว (White) ซึ่งตัวสินค้าถูกดีไซน์ในแบบ Duotone มีสีหลักและสีทองขลิบเสริมราศี

ตัวหูฟังมีโครงสร้างที่ใช้วัสดุ 3 แบบประกอบรวมกัน ด้านในเป็นพลาสติกวาววับเหมือนเซรามิก สัมผัสลื่นๆ คราบสกปรกเกาะติดยากพอควร ส่วนบอดี้ด้านนอกเป็นพลาสติกผิวด้านดูสุขุมมีราคา ส่วนที่สามคือโดมเฮาส์ซิ่งของไดร์เวอร์ซึ่งเป็นผิวสัมผัสโลหะสีทอง

ดีไซน์นี้ยังถูกนำมาใช้กัลตัวกล่องหูฟังด้วย คือด้านนอกจากเป็นพลาสติกด้านที่ทนทาน สัมผัสหรูทีเดียว และที่สำคัญคือเปื้อนสกปรกและเป็นรอยยาก ใช้เคสกันยาวๆ ไม่ต้องหาอะไรมาปกป้องมันก็ได้ ฝาเป็นผิวโลหะเคลือบสีทองเข้ากับหูฟัง ส่วนด้านในจะเป็นพลาสติกด้าน

โดยรวมผมพอใจกับการดีไซน์และคุณภาพวัสดุของ PI7 ครับ ถึงเราที่อยู่ในยุค Less is More อาจจะไม่ค่อยชิน แต่ก็เป็นดีไซน์ที่หรูหราเอาการทีเดียว ดูภาพอาจจะบอกอะไรไม่ได้มาก ต้องลองสัมผัส

อีกจุดที่ถือว่า Bowers & Wilkins ทำมาได้ลงตัว คือ เสียงปิดฝา ของเจ้ากล่องชาร์จ … ใช่เสียงปิดฝานี่ถือเป็นฟีเจอร์สำคัญเลยนะครับ เพราะเราต้องปิดเปิดมันทุกวัน ถ้าเกิดเปิดปิดแล้วเสียงเห่ยนี่หมดค่าเลย … กล่องของ PI7 ปิดแล้วมันดังกรึ๊บแล้วฝาก็ไม่โยกเย้ก รู้สึกหรูหราดีเลย อาจจะกรึ๊บน้อยกว่า Apple AirPods Pro แต่ผมก็ให้ผ่านนะ

จุกสั้นแบบ True Wireless

จุกหูฟังที่ B&W เลือกใช้เป็นจุกสไตล์ True Wireless ที่มีแกนสั้นกว่าจุกทั่วไปที่ขายในท้องตลาด จุกที่แถมมากับหูฟังมีลักษณะอ่อนนิดๆ แข็งหน่อยๆ ใส่นานๆ สบายหูดีครับ น่าจะใช้ได้นานเป็นปีถ้าไม่ทำหายซะก่อน แต่ถ้าทำหายก็หาซื้อเปลี่ยนได้ไม่ยาก

Wear Sensor ทำงานเร็วเหมือนผีบอก

PI7 มาพร้อมฟังก์ชั่น Auto-pause / Auto-play โดยใช้เซ็นเซอร์ที่หูฟังเป็นตัวบอกว่าเราใส่หูฟังอยู่หรือเปล่า จากที่ทดสอบเซ็นเซอร์ทำงานได้ดี ออกจะไวเหมือนผีบอก ถ้าเทียบความเร็วของฟังก์ชั่นนี้กับ AirPods Pro หรือ Sony WF-1000XM4 ต้องบอกว่าของ PI7 ทำงานเร็วกว่าค่อนข้างเห็นชัด เพราะเซนเซอร์ตรวจจับค่อนข้างห่าง แต่ก็มีเพี้ยนบ้าง เช่น ถอดแล้วเพลงไม่หยุด หรือ ถอนแล้วหยุดพอวางกับโต๊ะแล้วเพลงเล่นเอง นึกว่าผีหลอก 555 แต่ก็น่าจะแก้ได้ด้วย Firmware Update เวอร์ชั่นถัดไป

น้ำหนักหูฟังเบาพอๆ กับ AirPods Pro ใส่สบายไม่ต่างกัน

ถึงเสียงจะดียังไงก็ขายไม่ได้ ถ้าคนซื้อไปแล้วใส่ฟังเพลงไม่ได้ คุณว่าจริงมั้ย?

แต่หายห่วงเลย เพราะน้ำหนักของ PI7 ถือว่าค่อนข้างเบา (เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง) ทดลองถือในมือเทียบกับ AirPods Pro น้ำหนักไม่ต่างกันเลย

ถ้าจะใส่ PI7 (และ PI5) ให้ดี หูฟังต้องเข้าไปช่องหูให้หมดทั้งตัว

ลักษณะการสวมใส่เหมือนกับ AirPods Pro และ Sony WF-1000XM4 ครับ ถ้าคุณเป็นคนที่ใส่หูฟังอินเอียร์เป็นประจำอยู่แล้วจะไม่มีปัญหาในการสวมใส่เลย เพราะใส่ง่าย จุดศูนย์ถ่วงของหูฟังมันอยู่ในช่องหูของเราเลยไม่รู้สึกถ่วงหูเหมือน True Wireless บางรุ่น ใส่ได้ยาวๆ 2-3 ชั่วโมงไม่มีอาการล้าหู ถือว่าสอบผ่าน

แต่ถ้าเป็นคนที่มีช่องหูเล็ก เช่น ผู้หญิง หรือ เด็ก จากประสบการณ์ผม ผมว่าอาจจะใส่ไม่ได้ หรือ ต้องมีวิธีใส่พอควร

สำหรับคนที่ชอบใส่หูฟังนอนฟังเพลงหรือดูหนัง ถ้าใส่นอนกลิ้งไปมาอาจจะรู้สึกเจ็บที่ใบหูนิดหน่อยเพราะหูฟังมันเป็นทรงเหลี่ยมครับ ถ้าใส่แล้วนั่งไม่มีปัญหาเลย

FEATURES

Dual Hybrid Drive units with individual amplifiers

ปกติเราก็จะเห็นหูฟัง TWS หลายตัวที่มีลำโพงแบบไฮบริดกันอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มันใช้แอมพ์ตัวเดียวในการขับลำโพงทั้ง 2 ตัว

PI7 มากับดีไซน์ใหม่ ที่ทำให้เวิร์คค่อนข้างยาก เพราะมันใช้ ไดรเวอร์ 2 ตัว แบบ balanced armature และ dynamic และยังใช้แอมพ์แยกกัน ถ้าออกแบบไม่ดีเรื่องของย่านความถี่และความหน่วงเวลาที่มั่วแน่นอน แต่ PI7 ทำออกได้ดีมากครับ ค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว

ใช้ฟังเพลงได้นาน 4 ชั่วโมง

ตัวหูฟังสามารถใช้ฟังเพลงติดต่อกันได้นานประมาณ 4 ชั่วโมง จากที่ทดลองฟังยาวๆ 3 ชั่วโมงตัวหูฟังทำงานได้ดี ไม่ร้อน ไม่ล้าหู ที่สำคัญไม่เจ็บหู องศาและความลึกของจุกออกแบบมาได้ลงตัวทีเดียว

ตัวเคสสามารถชาร์จไฟกลับไปให้หูฟังได้อีก 4 ครั้ง (ประมาณ 16 ชั่วโมง) รวมแล้วเมื่อชาร์จเต็มสามารถใช้ฟังเพลงได้นาน 20 ชั่วโมง ตัวเลขนี้อาจจะไม่เด่นเวอร์วังอะไร แต่ส่วนตัวผมถือว่าก็ไม่เลว จะไปเที่ยวที่ไหน 3-4 วัน ก็อย่าลืมสายชาร์จกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟไปด้วยละกัน

Adaptive Noise Cancelling

การตัดเสียงรบกวนของหูฟังรุ่นนี้อยู่ในกลุ่มตัวท็อปของวงการ ใช้ไมค์ 6 ตัวในการวัดเสียงรอบตัวเรา และตัดเสียงรบกวนได้ดี (ไม่ได้ตัดเสียงทุกย่านความถี่) เสียงพัดลม แอร์ ถูกตัดออกได้อย่างเนียนกริบ ส่วนเสียงพูดรอบข้าง แตรรถ ยังได้ยินอยู่บ้างโดยมีระดับที่เบาลง แต่ไม่ใช่ศูนย์ครับ

การเปิดฟังก์ชั่น ANC ไม่มีผลต่อเสียงเพลง ซึ่งเป็นจุดสำคัญของหูฟัง ANC ครับ เพราะถ้าปิด ANC แล้วเสียงห่วยลง เราก็คงไม่อยากเปิดใช้ สำหรับเจ้าตัวนี้ จะปิดหรือเปิด ANC ก็ยังได้คุณภาพเสียงเพลงที่ดีเหมือนเดิม

Microphone สำหรับสนทนา

โหมดนึงที่ทุกคนต้องได้ใช้ทุกวันคือ การใช้คุยโทรศัพท์ ไมค์ของ PI7 เก็บเสียงส่งไปยังปลายสายได้ดีโดยไม่เอาเสียงรอบข้างไปด้วยจนน่ารำคาญ การสนทนายาวๆ สามารถทำได้แต่ต้องเปิดโหมด Ambient Pass-Through

ถ้าจะมีจุดนึงที่ไม่ชอบในการใช้สนทนา คือเสียงก้องจากเสียงผมเองที่กลับเข้ามาในหู ซึ่งเป็นเอฟเฟ็กของหูฟังอินเอียร์อยู่แล้ว ซึ่งพอแก้ขัดได้ด้วยการเปิด Ambient Pass-Through แต่โหมดนี้ยังถูกออกแบบมาไม่เทพเท่าไหร่ต้องพัฒนาเพิ่มอีกค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับ AirPods Pro ที่เป็นเทพ Transparency Mode ที่ยังไม่มีใครล้มได้

Gaming & Movie ดูหนัง เล่นเกมส์

ถึงหูฟังรุ่นนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อความสุดของเสียงเพลง แต่เอาน่า ชีวิตเรามันมีอะไรให้ทำเยอะ บางทีก็อยากดูหนัง บางทีก็อย่างเล่นเกมส์ กิ๊กก๊อกๆ

สำหรับการดูหนัง Netflix, Disney+, YouTube เสียงออกครบครับ ใช้ได้ ดีเลย์น้อย ขอบคุณ Bluetooth 5.0 แต่อารมณ์การดูหนังอาจจะไม่ได้อลังการอะไรมาก แต่ถือว่าไม่ขี้เหร่

ส่วนถ้าเล่นเกมส์แนว Casual ก็ยังได้ครับ ไม่มีประเด็นอะไรมากมาย แต่ถ้าจะเอาไปแข่ง e-sport PUBG ROV อันนี้แนะนำว่าหาหูฟังอื่นที่ออกแบบมาสำหรับการนี้โดยเฉพาะดีกว่า

เคสเทพ แปลงร่างเป็นตัวส่งสัญญาณ Bluetooth

สุดยอดฟีเจอร์สุดพิศดาร ที่ไม่มีใครเหมือน และ ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ถ้าเอาเคสของ PI7 ไปเสียบกับเครื่องคอม หรือ iPad ผ่านสาย USB (หรือเสียบเครื่องเล่นเพลงผ่านสาย USB-C to 3.5mm stereo) ตัวเคสจะทำงานเป็น DAC / Bluetooth Transmitter ส่งสัญญาณให้หูฟังได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งตัวส่งสัญญาณอื่น ซึ่งมันจะเชื่อมกับหูฟัง PI7 ได้ทันที ไม่ต้องทำการ pairing แต่ถ้าคุณมีหูฟัง B&W รุ่นอื่น ก็สามารถนำมาเชื่อมกับเคสนี้ได้ด้วย (แต่ต้องเป็นยี่ห้อ B&W นะ) แค่นี้ก็สามารถฟังเพลงเดียวกัน 2 คน (2 หูฟัง) พร้อมกันได้แล้ว!

แถมในโหมดนี้ Wear Sensor ระบบ Auto-Pause / Auto-play ของตัวหูฟังก็ยังทำงานได้ตามปกติ อาจจะตอบสนองช้าลงบ้างเพราะต้องผ่านข้อมูลหลายทอด แต่ก็ยังทำงานได้

ไม่รู้จะเรียกว่าฟีเจอร์สุดล้ำ สุด Niche หรือ สุดพิศดารดี แต่จะเรียกว่าอะไรก็เหอะ มันเวิร์คมาก ผมชอบสุดๆ

Multipoint Support

นี่อาจจะเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนมองหาในหูฟัง True Wireless … สำหรับเจ้า PI7 สามารถจดจำอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 3 เครื่อง และสามารถสลับการเชื่อมต่อไปมาโดยใช้แอพ Heaphones ของ B&W เป็นตัวควบคุม อาจจะไม่ได้ง่ายเหมือน AirPods Pro แต่ก็ไม่ต้องคอยกด disconnect ที่เครื่องมือถือเวลาที่ต้องการสลับเครื่อง

SOUND QUALITY

ถ้าคุณที่คนที่รักการฟังเพลงแนว Audiophile ไม่ว่าจะ Classical, Classic Rock, Jazz, Soul, New-Age นี่คือสวรรค์ครับ เสียงโคตรดี ไม่ต้องจูนอะไร PERFECT ตั้งแต่แกะกล่อง

Classical Masterpiece : Maurice Ravel – Piano Concerto in G Major, M. 83 – Martha Argerich, Berlin Philharmonic & Claudio Abbado เสียง รายละเอียด มิติ คือ สุดจริงๆ อารมณ์เหมือนฟังชุดลำโพงที่จูนสมบูรณ์แบบ เสียงทุ้ม เสียงแหลม ลงตัวตลอดเพลง

Classical Rock : The Who – Won’t Get Fooled Again เพราะเบสมีรายละเอียดที่ดีมาก เสียงมันสไตล์สุขุมแบบ Gentleman ไลน์กีต้าร์ดี กลองเป็นกลอง ตู้มมมมมม ชัดเจน มีรายละเอียด

J-Rock : X Japan – X (Live Version) ถึงดนตรีจะทิ่มแทงกระทืบซัดสาดขนาดไหน แต่ฟังผ่าน PI7 เสียงมันส์ครบจบกระบวนความ โคตรสะใจ กลองรัวได้แบบไม่มั่วชัดมามันทุกคิก คอร์ดกีต้าร์ เบส โคตรชัด ฟังวนไป 3 รอบ ไม่ปวดหัว 555 สะใจ

Jazz : Norah Jones – Comes Away With Me อารมณ์เหมือนนั่งฟังลำโพงอยู่ห้องส่วนตัว ลื่นไหล ไม่มีอะไรเกิน ทุกอย่างดูลงตัว เบสคลอ เสียงร้องลื่นไหล ไลน์กีต้าร์นุ่มๆ อาจจะเป็นเพลงที่ไม่ได้มี demand อะไรมาก แต่ทดสอบอารมณ์การฟังได้อย่างดี

Thai-Rock : Moderndog – บุษบา ถ้าอารมณ์ความเป็น alternative ย้อนยุคของไทยคือความกระด้างที่ลงตัว ถือว่าหูฟังตัวนี้สร้างเสียงออกมาได้ดีครับ เพราะมันไม่เปลี่ยนแนวเสียงของเพลงเลย เป็นเพลง บุษบา ที่ดิบๆ ที่ลงตัว

จะให้นิยามแนวเสียงของ PI7 ผมว่าค่อนข้างง่ายเลย เพราะมันชัดเจนมาก ก็ในเมื่อมันเป็นหูฟังที่จูนมาสุดทาง มันก็จะมีบางแนวเพลงที่ออกจะธรรมดา ไม่ก็ฟังแล้วแปลกไปเลย

Thai-Pop : Stamp – ร้อยล้านวิว เสียงกลางจะหนาๆ เสียงแหลมมน เบสลึกๆ กว่าที่เราฟังกันปกติ … ซึ่งก็แล้วแต่คนที่ชอบ ใครที่ชอบฟังเพลงป็อปที่ฟุ้งๆ ลอยๆ ใสๆ เบสวึ่บวั้บ อาจจะไม่ชิน

Anime Song : Gundam Z – Mami Ayukawa หนึ่งในเพลงอนิเมที่ผมชอบมาก พอเปิดกับหูฟังนี้อารมณ์เดียวกับตอนที่ผมเอาไปเปิดกับลำโพงหรูหลักล้านในงานเครื่องเสียงเลย มันฟังได้ แต่มันไม่ใช่อ่ะ 555

J-Pop : DAKO – Bang! ป็อปน่ารักๆ บีทเร็วๆ แรปรัวๆ ได้เสียงกลางหนาไปหน่อย แต่ก็มีส่วนที่ดีคือ เบสหนัก ฟังสนุก เสียงแหลมไม่เวอร์วัง ฟังแบบหนึบๆ ก็สนุกดี

ลองไปหลายเพลง เริ่มจะจับทางได้ ถ้าเป็นเพลงที่มิกส์มาสไตล์ตะวันตก เสียงมักจะเวิร์คซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นเพลงที่มิกส์แบบใสๆ เสียง V-shape มันก็จะให้เสียงแปลกๆ หน่อย

THAT’S HOW IT IS

หูฟังรุ่นนี้ไม่มีคำว่ากลาง ถ้ามันเพราะ คือ มันสุดเลย นักรีวิวหลายคนชมว่ามันสุดจริง Insanely Good (ดีอย่างโคตรบ้า) แต่ถ้าไม่ใช่แนวมันก็จะฟังออกเลยว่ามันแปลกๆ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเพลงสไตล์ตะวันตก ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะฝรั่งนะครับ ศิลปินญี่ปุ่น ไทย จีน หลายๆ คนที่มิกส์สไตล์ตะวันตก หูฟังตัวนี้ก็ให้เสียงได้สุดๆ ไปเลย

สำหรับฟีเจอร์ของ PI7 ถือว่าครบครันตามมาตรฐานของ True Wireless ระดับท็อป ANC คุณภาพดีตัดเสียงในแบบที่ใช้งานได้จริง Ambient Pass-Through อาจจะด้อยกว่า AirPods Pro แต่ก็ไม่ได้แย่มากมายถ้าการถอดหูออกข้างนึงก็เพื่อให้สนทนาง่ายขึ้นไม่ประเด็นสำหรับคุณ ระบบ Touch Control ทำงานได้ไวดีแค่สัมผัสเบาๆก็ติดแล้ว ไม่ต้องกดจนหูฟังขยับ ถ้าจะมีอะไรที่ผมคิดว่าขาดไปก็คงเป็นระบบ EQ แต่แบรนด์ B&W ก็ไม่เคยเน้นเรื่อง EQ อยู่เพราะลูกค้าซื้อ B&W ก็อยากได้เสียงแบบ B&W ซึ่งผมว่ามันเทพแล้ว ไม่ต้องปรับหรอก แกะกล่องมาคือดีเลย

ฟีเจอร์อื่นๆ อย่างการใช้คุยโทรศัพท์ก็ถือว่าทำมาใช้ได้ดี คงเอาไปเทียบกับ Plantronics, Poly, EPOS, Jabra ไม่ได้แต่ก็ใช้ได้ไม่ได้ขี้เหร่ การดูหนัง เล่นเกมส์ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้

ราคา 18,500 บาท ถามว่าแพงมั้ย? บอกเลยว่าแพงจริง อีกแค่พันกว่าบาทก็ไป AirPods Max แล้ว แต่ในความแพงของมันคุณจะได้ True Wireless ที่ให้เสียงดีสุดๆ ตัวนึง ค่าตัวนี้ส่วนหนึ่งผมว่ามาจากเคสแสนพิศดารของมันที่เป็น Bluetooth Transmitter ในตัว และ ระบบลำโพง Dual Hybrid และแอมพ์แยกชุด ที่หรูหราหมาเห่าทีเดียว

ถ้าคุณกำลังหาหูฟัง True Wireless ที่คุณภาพเสียงสุดติ่งหลุดโลกไปเลย รุ่นนี้ผมกล้าแนะนำแบบไม่อายเลยครับ แต่อย่างที่บอก มันไม่มีคำว่ากลาง ถ้ามันใช่แนวคุณมันคือสุดจริง