รีวิว Acoustune HS2000MX MK2 ตัวพ่อจาก MASTER Series

เพิ่งจะได้เขียนพรีวิวเกี่ยวกับ HS2000MX Mk2 ไปหมาดๆ อีกไม่กี่วันถัดมาตัวจริงเสียงจริงก็ถูกลำเลียงส่งมายังถ้ำเสือให้ผมได้ทดลองเทสทันที อ่านสเปคไปร้อยรอบไม่สู้ได้ลองฟังครั้งเดียว และเพียงครั้งแรกที่ลองฟัง Acoustune HS2000MX Mk2 ก็ทำให้มิเตอร์วัดคุณภาพเสียงในหัวผมตีเต็มแมกซ์ได้ทันที

Acoustune HS2000MX Mk2 – Sho

PROS จุดเด่น	CONS จุดด้อย
อลังการงานสร้าง ทั้งตัวหูฟัง, อุปกรณ์, แพคเกจ	ต้องหมั่นเช็ด ดูแลรักษา ไม่งั้นโลหะจะหมอง
คาแรคเตอร์เสียงที่ดีเยี่ยม บาลานซ์ความถี่ได้สุดยอด
ซาวด์สเตจดีมากๆ ไม่ขาดไม่เกินและให้มิติที่โอบล้อมผู้ฟัง

Packaging and Accessories

จากเมื่อเดือนที่แล้วที่ผมได้เทส HS1750CU ไปไม่นาน ซึ่งแพคเกจของรายนั้นก็ว่าอลังการแล้ว พอมาเจอพี่ใหญ่อย่าง HS2000MX Mk2 เข้าไปก็ยิ่งอลังการงานสร้างขึ้นไปอีก ด้วยคอนเซ็ปต์ของหูฟังญี่ปุ่นอย่าง “笙 Sho” ที่นำมาจากชื่อเครื่องดนตรีที่เป็นตัวแทนของแสงแห่งสวรรค์ ทาง Acoustune จึงออกแบบแพคเกจภายในให้เป็นกล่องไม้ พร้อมเชือกรัดเป็นลวดลายที่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของทางญี่ปุ่นครับ

แกะมาถึงภายในเราก็จะเจอตัวหูฟัง, สายสัญญาณและอุปกรณ์ทั้งหมด โดยเฉพาะจุกหูฟังให้มาเยอะและหลากหลายมากๆ จุกแต่ละรุ่นเทียบได้กับพวกจุกหูฟังอัพเกรดเลยทีเดียว ฉะนั้นไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเติมแต่อย่างใด รุ่นหูฟังที่ให้มาจะมีดังนี้ครับ

• AEX70 : เป็นจุกหูฟังแบบ memory polymer ที่สามารถปรับขนาดตามช่องหูเราได้ มีมาให้ 3 ขนาด (S/M/L)

• AEX50 : เป็นจุกหูฟังแบบ memory polymer เช่นเดียวกันแต่จะมีรูปทรงพิเศษแบบ wing shape ช่วยซีลเสียงได้ดีขึ้นโดยที่เราไม่ต้องยัดหูฟังให้เข้าไปลึกเหมือนจุกยางทรงปกติ รุ่นนี้จะมีมาให้ถึง 5 ขนาด (XS/S/M/L/XL) ด้วยกัน
• AEX07 : จุกยางมาตราฐานซีรี่ส์ใหม่ของ Acoustune มีมาให้ 3 ขนาด (S/M/L)

ส่วนของสายสัญญาณตามสเปคแล้วเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้มาในรุ่น Mk1 ครับ ด้วยคุณสมบัติของสายมันก็เทพมากๆอยู่แล้วจึงยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใน Mk2 นั่นก็คือสายรุ่น ARS100 เป็นสายแบบพิเศษด้วยการถักแบบ 16 แกน ตัวนำสัญญาณเป็น silver-coated OFC wire

ขั้วต่อหูฟังยังคงเป็น Nippon Dix Pentaconn ที่ดูละม้ายคล้ายขั้ว MMCX ซึ่งตามที่ Acoustune บอกไว้คือมันใส่ได้แน่นหนากว่าและนำสัญญาณได้ดีกว่า ผมทดลองใช้งานดูก็ถอดและใส่ได้ง่ายและก็แน่นหนาจริงๆตามที่เค้าบอกมาครับ ส่วนแจ็คจะเป็น Single-Ended 3.5mm มาตราฐานเช่นเดิม

อุปกรณ์ที่เหลือจะเป็นพวก Cable clip และ Cable tie สำหรับพันเก็บสายให้เป็นระเบียบ อ่อ! ยังมีน็อตขันตัว housing ให้อีกสองอันเพราะรุ่นนี้เราสามารถถอดเปลี่ยนแชมเบอร์ข้างในได้ถ้าอยากเปลี่ยนคาแรคเตอร์เสียง ส่วนเคสที่ให้มาก็เหมือนกับหูฟังรุ่นอื่นๆใน Master Series เป๊ะๆครับ

Build and Comfort

คงไม่มีอะไรให้ติสำหรับหูฟังระดับนี้ งานเนี๊ยบสวยทุกจุด โดยเฉพาะงานโลหะที่มีขนาดเล็กแบบนี้ต้องขอชมเลยว่าทำออกมาได้สุดยอดจริงๆ

เอกลักษณ์ของ Modular Design ยังคงเด่นชัดและน่าจะชัดกว่ารุ่นน้องๆในตระกูลด้วยซ้ำไป เพราะเราจะเห็นส่วนของ housing ด้านนอกและ chamber ด้านในแยกออกจากกันชัดเจน และอย่างที่บอกว่าเราสามารถถอดเปลี่ยนแชมเบอร์ภายในได้ จึงจะมีส่วนที่เป็นน็อตล็อคให้เห็นชัดทำให้ดีไซน์ของหูฟังมีรายละเอียดเยอะเข้าไปอีก

ในด้านการสวมใส่ใช้งาน ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาอะไร ขนาดของหูฟังกำลังดี ใส่ได้ไม่อึดอัด แต่ถ้าใส่นานๆก็มีเจ็บกันบ้างเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นปัจจัยมาจากงานออกแบบหรือวัสดุแต่อย่างใด

Headphone Details

ไปลงรายละเอียดภายในตัวหูฟังกันอีกสักนิดก่อนที่จะสรุปเรื่องเสียงให้ฟังกัน

ผมลืมบอกไปว่าระบบถอดเปลี่ยนแชมเบอร์ภายในเช่นนี้ทาง Acoustune มีชื่อเรียกให้ว่า Acoustune Capsule Technology หรือ A.C.T. โดยจะมีแชมเบอร์รุ่นต่างๆให้คุณเลือกใช้งานได้ ในตัวของ HS2000MX Mk2 จะเป็นแชมเบอร์รุ่น ACT05 ถ้าดูจากตารางจะเห็นว่ามีแชมเบอร์ให้เราหามาใช้ได้อีก 3 รุ่น เพราะ ACT01 จะอยู่ในตัวหูฟัง Mk1 อยู่แล้วไม่มีการขายแยกออกมาครับ

สำหรับแชมเบอร์รุ่น ACT05 ภายในจะติดตั้งไดรเวอร์แบบ Myrinx Diaphragm ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือไดรเวอร์ไดนามิคแต่ใช้วัสดุเป็น Myrinx Composite หรือโพลีเมอร์เกรดทางการแพทย์และยังมีฟิล์ม beryllium แบบบางพิเศษมาสร้างส่วนโดมของไดอะแฟรม สามารถตอบสนองความถี่ได้กว้างตั้งแต่ 10 Hz ไปจนถึง 25 KHz

ค่า sensitivity ของหูฟังจะอยู่ 110dB@1mW ส่วนค่า impedance อยู่ที่ 24 โอห์ม เป็นหูฟังที่ขับง่ายครับ ขับโดยตรงจากโทรศัพท์หรือแท็ปเลทก็ออกมาได้เต็ม ใครใช้ DAC-Amp แยกก็ปรับ gain เป็น low output พอนะครับ แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว

Sound Quality

Sound Stage

เวทีเสียงของ HS2000MX Mk2 ไม่ได้เว่อร์วังอลังการ มิติของเค้าจูนมาลงตัวมากๆ ไม่หลอกหู ไม่รู้สึกว่าพยายามแยกเลเยอร์หรือขยายสเตอริโออิมเมจให้มันกว้างจนผิดธรรมชาติ แต่เราสามารถรู้สึกถึงเวทีเสียงที่โอบล้อมเราได้เป็นอย่างดี ผมเข้าใจว่าเราฟังเพลงในระบบสเตอริโอก็จริง แต่ HS2000MX Mk2 ก็ให้ความรู้สึกแบบ immersive ได้อย่างลงตัว

การแยกรายละเอียดต่างๆ มิติทั้งทางลึก ทางกว้างหรือจากบนลงล่างสมบูรณ์แบบ มันเหมาะสำหรับการฟังเพลงทุกสไตล์ครับ คุณจะมาแนวไหน HS2000MX Mk2 ตอบสนองได้หมดแน่นอน

Bass

คงคาแรคเตอร์ของไดรเวอร์ไดนามิคได้ยอดเยี่ยม ทั้งน้ำหนัก แรงปะทะ เบสสามารถลงได้ลึก แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ในความควบคุม เบสพอดีไม่เกิน ไม่ล้น ทำงานว่องไว รายละเอียดและความชัดเจนก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ

Mid

ย่านเสียงกลางสวยงามครับ จูนมาลงตัวมากๆเช่นกัน เป็นเสียงกลางที่อิ่มกำลังดี มีน้ำหนัก มีเนื้อแต่ไม่ขาดความคมชัดแม้แต่นิดเดียว เป็นเสียงกลางที่มีบอดี้แต่ก็พริ้วไหวรายละเอียดดี จะฟังเอามันส์หรือชอบสไตล์ audiophile เอาความสุภาพนุ่มนวลก็ทำให้ได้เช่นกัน

High

นี่ก็สวยงามมากๆเช่นกัน เสียงแหลมนั้นใสสะอาด แต่ก็ละมุนละไมมากๆ ปราศจากอาการกระด้างหรืออาการคมที่ทำให้เราระคายหู ฟังผ่านๆเหมือนจะเป็นเสียงแหลมที่ผ่านการ Roll-off บ้างเพื่อให้เสียงแหลมนั้นสมูธ แต่ดูจากสเปคที่ไต่ high frequency ไปได้ไกลมากๆ ต้องบอกว่า Acoustune สร้างมาตราฐานของเสียงแหลมให้กับเรือธงของเค้าได้อย่างยอดเยี่ยมครับ

คาแรคเตอร์เสียงทั้งหมดเรียกว่าปรับแต่งมาลงตัวชนิดเรียกได้ว่าเพอร์เฟ็ค เป็นธรรมชาติสูงมาก ไม่ค่อยรู้สึกถึงคัลเลอร์ของเสียง และก็ไม่ได้แฟลทจนทื่อเหมือนหูฟังมอนิเตอร์ โดยเฉพาะซาวด์สเตจที่ผมคิดว่าทำมาได้กลมกล่อมอร่อยหูมากๆ เป็นหูฟังอีกรุ่นที่ใส่แล้วไม่อยากถอดเท่าไหร่ เพราะใส่ทีไรก็ฟังยาวจนรู้สึกเจ็บหูนั่นล่ะครับถึงได้พักบ้าง

---

Conclusion

Acoustune HS2000MX MK2 เหมาะมากทีเดียวกับผู้ที่ชื่นชอบคาแรคเตอร์เสียงของหูฟังไดนามิค และอยากได้หูฟังประเภทนี้ที่ไปได้สุดทาง เรียกว่าการปรับปรุงเข้าสู่ Mk2 ไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อยครับ อย่างที่บอกว่าผมพึ่งได้ลอง HS1750CU ไปไม่นานและก็ชื่นชอบน้ำเสียงของเค้ามากแล้ว พอมาเจอพี่ใหญ่ของตระกูล Master series เข้าไปนี่ต้องบอกว่าสุดในรุ่นแล้วครับ ถ้าใครไม่ติดเรื่องงบประมาณซื้อเก็บเข้าคลังแสงเถอะครับ เอาหัวเป็นประกันเลยว่าไม่มีผิดหวังแน่ๆ