รีวิว Backbone One PlayStation® Edition จอยเล่นเกมสำหรับ iPhone ที่สวยที่สุดแห่งปี 2022
พักจากเรื่องหูฟังมาดูจอยเกมส์หรือคอนโทรลเลอร์สำหรับ iPhone ที่เจ๋งที่สุดของปี 2022 กันดีกว่าครับ ซึ่งคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Backbone One ซึ่งรอบนี้มาเพื่อเอาใจสาวก PlayStation โดยเฉพาะ PS5 เป็นพิเศษ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะชาว PS4 ก็ใช้ได้หรือเอามาเล่นเกมส์ในมือถือก็มันส์ไม่แพ้กัน
Backbone One for iPhone PlayStation® Edition
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
ใช้งานง่าย เชื่อมต่อปุ๊บพร้อมใช้งานทันที | ปุ่มกดไม่ให้ความรู้สึกเฟิร์มหรือสัมผัสเท่าจอย PS ของจริง |
มีช่องต่อหูฟังและชาร์จไฟขณะใช้งานได้ | ต้องถอดเคสโทรศัพท์ก่อนถึงจะติดตั้งได้ |
สามารถแคปภาพหรือบันทึกวีดีโอได้ด้วยปุ่มเดียว |
Design & Build Quality
ผมค่อนข้างเตะตากับเจ้า Backbone One PlayStation Edition ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวชอบดีไซน์ของคอนโทรเลอร์รุ่นนี้เอามากๆ ถ้าเทียบกับรุ่นปกติที่เป็นสีดำผมชอบรุ่น PlayStation (ขอเรียกย่อว่า PS นะครับ) สีขาวแบบนี้มากกว่าเยอะเลย
งานดีไซน์ยอมให้คะแนนเต็มครับ เป็นคอนโทรเลอร์ที่สวยงามลงตัวมากๆรุ่นนึง ใครที่ใช้ PS5 อยู่แล้วและอยากได้อุปกรณ์มาใช้งาน Remote Play ล่ะก็ Backbone One ก็มีดีไซน์ที่ลงตัวเอามากๆ
แพคเกจที่ให้มาไม่มีอะไรมากครับ แกะกล่องมาเราก็จะเจอ Backbone One ที่พร้อมใช้งานทันที พร้อมอะแดปเตอร์เสริมสำหรับใช้งานกับ iPhone 13 และ 14 ทั้ง Pro และ Pro Max สัมผัสแรกที่หยิบขึ้นมาลองกดถือว่าโอเคเลยนะ วัสดุดี สัมผัสดี น้ำหนักก็ถือว่าดีเลย เมื่อประกอบร่างเข้ากับ iPhone แล้วไม่หนักเกิน ถ้าความจำผมไม่พลาดก็ถือว่าเบากว่า Nintendo Switch ด้วยซ้ำ (ยกเว้นคุณใช้ iPhone Pro Max นะ อันนั้นเมื่อยมือแน่ๆ)
สัมผัสที่ได้จากปุ่มกดถือว่าดีในระดับนึงครับ ไม่ได้รู้สึกว่าก๋องแก๋งเป็นจอยราคาถูก แต่ก็ไม่ได้เฟิร์มหรือแน่นเท่าจอย PS ของจริง เสียดายว่าถ้า Backbone ทำได้ระดับนั้นนี่คงให้อารมณ์ร่วมดีมากๆเวลาใช้งานแบบ Remote Play
Connect with iPhone
ลูบๆคลำๆตัวคอนโทรลเลอร์หนำใจแล้วรีบเอา iPhone มาเสียบลองเลยดีกว่า เจ้า iPhone ที่ผมใช้เป็นรุ่นจิ๋วอย่าง SE แต่พอเอามาประกอบร่างเข้ากับ Backbone One ก็ดูสวยงามลงตัวเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ
แต่จะเอา iPhone มาใช้ทันทีก็ไม่ได้เพราะจำเป็นต้องถอดเคสออกครับ อันนี้ก็พอจะเข้าใจได้เพราะว่าเคสมันมีหลากหลายขนาดเหลือเกิน แค่ออกแบบคอนโทรลเลอร์เพื่อขนาด iPhone แต่ละรุ่นก็ยากแล้ว ถ้าต้องมาเผื่อพื้นที่ให้เคสด้วยทีมออกแบบคงลาออกกันหมด ฮ่าๆ
การเชื่อมต่อระหว่างคอนโทรลเลอร์และโทรศัพท์ดูแน่นหนาดีมากครับ พอเอาคอนโทรลเลอร์หนีบโทรศัพท์แล้วไม่มีความรู้สึกว่าจะเผลอหลุดได้แน่ๆ แน่นปึ๊ก ยังไม่เคยเจอปัญหาตอนใช้งานครับ
Features
- Backbone App
พอเราเชื่อมต่อครั้งแรกระบบจะแจ้งให้เราเข้าไปดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ Backbone โดยอัตโนมัติครับ ซึ่งภายในแอพจะมีหน้าตาคล้ายๆกับเมนูเวลาเราใช้งานเครื่อง PlayStation เลย สามารถใช้ดาวน์โหลดเกมส์หรือตั้งค่าส่วนตัวของเราได้ด้วย
ไฮไลท์อีกอย่างของแอพก็คือ Backbone+ Membership ที่จะแจกทั้งเกมส์ ให้ทั้งไอเท็มหรือใช้ลดราคาผลิตภัณฑ์ของ Backbone ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเสียตังค์เป็นรายปีครับผม
เมื่อติดตั้งแอพเป็นที่เรียบร้อยเราก็พร้อมเล่นเกมส์ทันทีครับ โดยเฉพาะเกมส์ใน App Store หรือ Apple Arcade ที่รองรับการใช้งานคอนโทรลเลอร์
- PS Remote
ไฮไลท์สำหรับรุ่นนี้ที่ใครซื้อไปก็ต้องใช้แน่ๆ คือการใช้งานเล่นเกมส์แบบรีโมทร่วมกับเครื่อง PS นั่นเอง ซึ่งการใช้งานก็ง่ายมากครับ
เพียงแค่เราดาวน์โหลดแอพ PS Remote Play จากนั้นก็เปิดเครื่อง PS4 หรือ PS5 แล้วเชื่อมต่อระบบเน็ทเวิร์คเข้าด้วยกัน เท่านี้ก็พร้อมรีโมทเกมส์จากเครื่องคอนโซลของเราไปเล่นได้ทุกที่ ขอแค่มีอินเตอร์เน็ทก็พอและต้องเปิดเครื่อง PS ของเราทิ้งเอาไว้ตลอดเวลาด้วยนะ
จากการทดลองใช้งานผมถือว่าค่อนข้างสะดวก และจะเหมาะสำหรับการย้านพื้นที่เล่นเกมส์ภายในบ้าน เช่นกำลังเล่นเกมส์เพลินๆแล้วหวานใจจะขอทีวีมาดูซีรี่ส์ เราก็สามารถเสียสละทีวีแล้วรีโมทเกมส์มาเล่นบนมือถือได้ทันที
จากการทดลองร่วมกับเกมส์แอคชั่นอย่าง God of War หรือว่า Uncharted ดีเลย์ที่ได้ถือว่าค่อนข้างต่ำ อยู่ในระดับที่รับได้ครับ คือมีอยู่บ้างแต่ไม่ได้ช้าจนเราตอบสนองไม่ทันหรือเสียจังหวะในการลุยกับศัตรูเยอะๆ
ข้อเสียจะมีนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มาจากตัวคอนโทรลเลอร์ นั่นก็คือเรื่องสัญญาณภาพที่อาจจะมีกระตุกบ้างหรือเฟรมเรทตกเป็นบางครั้ง อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับความเร็วอินเตอร์เน็ทบ้านใครบ้านมันแล้วล่ะครับ แต่โดยรวมผมถือว่าทำได้โอเคเลย ใช้แก้ขัดได้เป็นอย่างดีหรือจะเล่นเอาจริงเอาจังก็ไหวอยู่
- Headphone & Lightning Port
Backbone One ให้ช่องเชื่อมต่อหูฟังมาด้วยครับ ถือว่าดีมากๆ ทำให้เราเล่นเกมส์ได้อย่างเป็นส่วนตัว คุณภาพเสียงก็สอบผ่านสบายๆ มีข้อเสียนิดเดียวตรงที่ว่าฐานของหัวแจ็คหูฟังใครที่ใหญ่เกินอาจจะเสียบเข้าไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหูฟังแถม iPhone สมัยก่อนก็ใช้ได้เลยไม่มีปัญหา
เล่นๆเกมส์อยู่ก็ไม่ต้องกลัวแบตหมดเพราะมีช่องต่อ Lightning ที่ตัวคอนโทรเลอร์ให้ด้วย เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้จริงๆ เพราะการเล่นเกมส์บวกต่อคอนโทรลเลอร์นี่มันสูบพลังงานไม่ใช่เล่น แต่ถ้าต่อ Powerbank ได้แบบนี้ก็หายห่วง
- Capture & Screenshot
ลูกเล่นที่จะทำให้สายโซเชี่ยลและชาวสตรีมเมอร์จะได้ใช้กันง่ายๆ เพราะเราสามารถแคปเจอร์ภาพนิ่งหรือบันทึกวีดีโอได้ด้วยปุ่มเดียวเลยครับ ซึ่งก็ปุ่มเครื่องหมายสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านขวาของคอนโทรเลอร์นี่เอง
สำหรับการบันทึกเกมเพลย์ก็ให้เรากดปุ่มนี่หนึ่งทีก็จะเป็นการบันทึกวีดีโอครับ แต่ถ้าอยากบันทึกภาพนิ่งก็ให้กดปุ่มค้างเอาไว้แปปนึงแทน
- Bonus Features
ไฮไลท์ของการครอบครอง Backbone One ก็ยังมีของแถมต่างๆที่ให้มาเพียบเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างเช่น
– Discord Nitro สามารถเข้าถึงอีโมจิที่กำหนดเอง ข้อความที่ยาวขึ้น และโปรไฟล์เฉพาะเซิร์ฟเวอร์ให้ 3 เดือน
– Apple Arcade สิทธิ์เข้าถึงเกมบนมือถือแบบไม่มีโฆษณามากกว่า 200 เกมเป็นเวลา 1 เดือน
– Google Stadia Pro เข้าถึงเกมมากกว่า 50 เกมเป็นเวลา 1 เดือนพร้อมภาพ 4K และคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม
เป็นของแถมที่ไม่เลวเลยสำหรับสายเกมเมอร์ แต่ก็คำนวนเงินกันดีๆนะครับ เพราะหมดโปรก็ต้องต่ออายุ Subscription กันเองแล้วนะทีนี้
Conclusion
สำหรับเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์ที่เล่นเกมส์กันเป็นกิจวัตรประจำวันล่ะก็ Backbone One PlayStation เป็นไอเท็มที่ลงทุนได้เลยครับ พกติดกระเป๋าไว้ถึงไม่ได้ Remote ร่วมกับเครื่อง PS ก็สามารถบู้กับเกมส์บนมือถือได้สนุกกว่าเดิมเยอะ ยิ่งเป็นเกมส์ FPS อย่าง Call of Duty คุณจะเทพขึ้นอีกหลายสเตป
หรือก่อนนอนปิดทีวีเรียบร้อย แต่อยากเล่นเกมส์บนเครื่อง PS ต่ออีกสัก 2-3 chapter ก็สบายมาก ข้อเสียอย่างเดียวคือคุณอาจจะไม่ได้นอนจริงๆก็ได้ ฮ่าๆ