รีวิว B&W Px7 S2 ความสุนทรีย์แบบ Hi-Res Wireless เหนือชั้นที่สุดของวงการ
Bowers & Wilkins Px7 กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 2 โดยที่ยังไม่รีบขยับซีรี่ส์ไปเป็น PX8 แต่อย่างใด กลับกันคือเค้าเอา Px7 เดิมมาปรับปรุงแบบยกเครื่องจนกลายเป็น B&W Px7 S2 ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้ B&W กลับมายืนอยู่บนหัวแถวของหูฟัง Wireless Noise Cancelling อีกครั้งครับ
Px7 S2 Over-ear noise cancelling headphone
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมระดับหัวแถวของหูฟัง wireless | ไม่มีช่องอินพุต 3.5mm. มาให้ |
จูนเสียงมาดี บาลานซ์ มิติเสียงและสเตอริโออิมเมจเยี่ยม | ไม่รองรับ LDAC |
วัสดุและงานประกอบพรีเมี่ยม | ระบบ Wear Sensor ไม่ไวเท่าที่ควร |
Packaging and Accessories
ผมได้รับหูฟังมาโดยที่มีการเปิดเช็คสินค้าด้านในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากแพคเกจภายนอกก็ต้องบอกว่าดูสวยงามตามท้องเรื่องครับ แต่กล่องภายนอกไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจเท่าไหร่ ไอ้ที่อยู่ภายในนี่ซิน่าสนใจกว่า
เปิดกล่องมาเราจะพบว่า Px7 S2 จะอยู่ภายภายในเคสอีกที ซึ่งตัวเคสจะเป็นกึ่ง soft และ hard เคสครับ สามารถปกป้องหูฟังจากการกระแทกเบาๆและริ้วรอยได้แน่นอน แต่อย่าเผลอไปทำร่วงตกพื้นเข้าให้ล่ะ ยังมีความเสี่ยงที่หูฟังจะเสียหายเอาง่ายๆได้อยู่ครับ
เอ้อ ผมลืมบอกอีกอย่างว่าเคสเค้าเป็นแบบซ่อนแนวตะเข็บซิบด้วยนะ ดูสวยงามดีมากเลยล่ะครับ
ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือก็จะเป็นสาย USB-C to USB-C และสาย USB-C to 3.5mm เป็นที่น่าเสียดายว่า Px7 S2 ไม่มีพอร์ต 3.5mm. มาให้ในตัว ทาง B&W คงหมายมั่นปั้นมือให้ใช้งานแบบไร้สายกันเป็นหลักนั่นเลย ใครที่กะจะเอาประยุกต์ใช้กับพวก DAP ต่างๆก็ต้องทำงานในโหมดไร้สายหรือใช้สาย USB-C to 3.5mm กันแทนนะครับ
โดยส่วนตัวผมก็คิดว่าไม่ใช่ข้อเสียที่ร้ายแรงซักเท่าไหร่ เพราะใครที่คิดจะเป็นเจ้าของ Px7 S2 ก็น่าจะต้องการใช้งานแบบ Wireless กันอย่างเดียวเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าใครอยากได้หูฟังแบบโอเวอร์ออล ตัวเดียวต่อได้ทุกอุปกรณ์ก็อาจไม่ตรงโจทย์นะครับ
Build and Comfort
ตัวหูฟังทำออกมาได้เนี๊ยบสมค่าตัวครับ รูปร่างหน้าตาของ Px7 S2 จะถูกปรับปรุงจาก Px7 เดิมให้มีความทะมัดทะแมงมากขึ้น ดีไซน์ถือว่าใกล้เคียงกันมาก แต่ก็ต้องถือว่ารุ่น S2 ดูหล่อเหลาเหมือนคนหุ่นสมาร์ทมากกว่าครับ
น้ำหนักก็เบาลงอีกเล็กน้อยถ้าเทียบกับรุ่นก่อนแต่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรนัก เรื่องความสบายเวลาสวมใส่ยังดีเหมือนเดิม ส่วนของฟองน้ำที่เอียร์แพดนั้นนิ่มนวลชวนฝันมากๆ น้ำหนักของการบีบศีรษะจัดว่ากำลังดี ค่อนข้างใส่สบายเลยล่ะครับถึงแม้จะใช้งานติดต่อกันนานๆก็ตาม
พวกปุ่มควบคุมต่างๆบนตัวหูฟังใช้งานง่ายครับ ไม่ต้องดูคู่มือก็พอจะเดาการใช้งานได้สบายๆ อย่างที่เอียร์คัพข้างขวาก็จะเริ่มด้วยปุ่มเพาเวอร์ ถ้าเราดันขึ้นมา 1 แก๊กก็คือการเปิดหูฟัง ถ้าเราเลื่อนไปอีก 1 แก๊กค้างไว้ก็จะเป็นการ pairing bluetooth
ถัดมาก็จะเป็นปุ่มโวลลุ่ม + / – และปุ่ม Multifunction ที่ใช้ควบคุมการเล่นเพลงต่างๆ รวมถึงการโทรศัพท์ด้วย ส่วนที่เอียร์คัพฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่ม Quick Action button สำหรับเปลี่ยนโหมด ANC ครับ
Features
ในการใช้งาน Px7 S2 ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดยังคงจำเป็นต้องทำงานควบคู่กับแอพ Music I Bower & Wilkins เช่นเดิมเพราะจะช่วยให้เราตั้งค่าต่างๆได้อย่างครบถ้วน
- Noise Cancelling
ระบบตัดเสียงรบกวนของ Px7 S2 ใช้ไมค์โครโฟนถึง 6 ตัวด้วยกันครับ จากการทดลองใช้งานก็จัดว่าทำได้ดีเลยล่ะ โดยเฉพาะพวกเสียงฮัมจากแอร์หรือพวก Noise Floor ต่างๆจะถูกตัดออกได้แบบชะงัด ยกเว้นพวกเสียงพูดต่างๆก็อาจจะไม่ได้ลดทอนลงไปมากนักครับ
โหมดตัดเสียงรบกวนจะมีให้เราเลือกใช้ได้ 3 ระดับด้วยกัน อันแรกก็คือปิด ไม่ใช้โหมด ANC แบบที่สองก็คือเปิด ใช้ตัดเสียงรบกวนแบบเต็มสูบและแบบที่สามคือโหมด Pass-Through ที่จะดูดเอาเสียงรอบๆเข้ามาให้เราได้ยินปกติ
แต่ส่วนตัวผมก็ไม่แนะนำให้เราใช้งานแบบเดินไปฟังเพลงไปบนท้องถนนซักเท่าไหร่นะครับ เพราะถึงจะมีโหมด Pass-Through เนี่ยเวลาฟังเพลงเราก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงรอบๆอยู่ดี ยิ่งเป็นหูฟัง Over-ear แบบนี้อันตรายมากๆ
ในการใช้งานโหมด ANC ทั้งสามนี้นอกจากจะกดผ่านแอพแล้ว เราก็ยังเปลี่ยนโหมดได้ทันทีด้วยปุ่ม Quick Action button ที่หูฟังด้านซ้าย หรือเราจะใช้ปุ่มนี้ในการเรียก Voice Assistant ก็ได้เช่นกันครับแค่ไปเปลี่ยนในแอพเท่านั้นเอง
- EQ
Px7 S2 อนุญาตให้เราปรับแต่งเสียงเพิ่มได้อีกครับ โดยจะมี Treble และ Bass ให้เราเพิ่มหรือลดได้อีกร่วม 6 dB แต่ผมว่าใช้ค่า default ตรงกลางนี่ฟังสนุกสุดละ หรือจะเพิ่มเสียงแหลมหรือเบสก็แนะนำว่าเบาๆมือพอ ซัก 1.5 ถึง 3 dB กำลังดี ถ้ามากกว่านี้พวกเสียงแหลมจะจัดจ้านไปและเบสก็จะบวมมากเกินไปด้วยครับ
B&W เค้าจูนเสียง Px7 S2 มาดีแล้วไม่ต้องปรับแต่งเยอะเชื่อผม
- Auto Standby & Wear Sensor
ระบบ Auto Standby จะปรับให้หูทำงานแบบ low power ถ้าไม่ได้มีการใช้งานติดต่อกัน 15 เกินนาทีครับ ส่วน Wear Sensor จะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่หูฟัง ถ้าเราถอดหรือง้างหูฟังข้างใดข้างหนึ่งออกระบบก็จะหยุดเล่นเพลงอัตโนมัติ เมื่อเราใส่กลับเข้าไปก็จะเล่นเพลงต่อ
โดยเรายังสามารถปรับค่าความ Sensitive ของ Wear Sensor ได้อีก 3 ระดับ แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเซ็นเซอร์ของ Px7 S2 ไม่ว่องไวเท่าที่ควรครับ มีดีเลย์ค่อนข้างเยอะ คือพอถอดหูฟังออกก็ใช้เวลาร่วม 2 วินาทีกว่าเพลงจะหยุดหรือพอใส่หูฟังกลับเข้ามาก็ต้องรออึดใจนึงกว่าเพลงจะเล่นต่อเหมือนกัน
Sound Quality
Px7 S2 ได้ปรับปรุงไดรเวอร์ใหม่หมดจดครับ โดยจะใช้ไดรเวอร์ตัวใหม่ขนาด 40mm. บวกเข้ากับ Voice Coil ที่ถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน ซึ่งมีผลกับน้ำเสียงของหูฟังมากๆ
อีกจุดนึงก็คือระบบ Bluetooth ที่ทำงานภายใต้เวอร์ชั่น 5.2 สามารถรองรับ codec มาตราฐานอย่าง SBC และ AAC ได้แน่นอน แต่ทีเด็ดจะอยู่ที่ codec คุณภาพสูงอย่าง aptX, aptX HD และ aptX Adaptive
ผมได้ทดลองฟังแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าถ้าเป็น codec มาตราฐานอย่าง AAC ที่ใช้ผ่าน iPhone ก็ให้คุณภาพเสียงดีมากแล้ว ถ้าใครใช้อุปกรณ์ที่รองรับ aptX HD ล่ะก็คุณภาพแทบไม่ต่างจากหูฟังแบบปกติเลยล่ะครับ เสียดายว่า B&W เค้าไม่ให้ LDAC มาด้วย สงสัยกลัวจะไปชนกับ Sony แต่เอาจริงผมก็เอา DAP ของ Sony มาเทสฟัง aptX HD กับ Px7 S2 อยู่ดีนะ ฮ่าๆ
Sound Stage
สำหรับผมเวทีเสียงเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของ Px7 S2 เลยทีเดียว เพราะสามารถให้มิติเสียงที่ดีมาก ความกว้างของเวทีจัดว่ากำลังดี สามารถให้สเตอริโออิมเมจได้อย่างแม่นยำ การโฟกัสตำแหน่งเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นทำได้ง่าย ซาวด์เคลียร์ชัดดีมาก เรื่องของเวทีเสียงถือว่าทำได้ดีกว่ามาตราฐานหูฟัง Wireless ไปมากเลยทีเดียว
Bass
เบสนั้นฟังสนุกใช้ได้เลยล่ะครับ เรียกว่าไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน มวลค่อนข้างดี แรงปะทะพอเหมาะ ฟังเพลงได้หลากหลายแนว ซึ่งถ้าใครยังไม่สาแก่ใจกับเบสที่ได้มาก็สามารถไปบูสเพิ่มในแอพได้ แต่อาการจะเหมือนการยกความถี่ต่ำขึ้นทั้งยวงแบบ Shelf EQ คือซาวด์จะแน่นขึ้นเยอะ แต่พวกรายละเอียดของเสียงต่ำจะไม่ได้ดีขึ้นนะครับ
สำหรับการเอาไปใช้ร่วมกับการดูหนังหรือเล่นเกมส์การปรับเบสแบบนี้ก็เพิ่มความบันเทิงได้ไม่น้อย แต่สำหรับการฟังเพลงผมแนะนำว่าปรับแต่น้อยดีกว่าครับ
Mid
ย่านเสียงกลางก็สอบผ่านฉลุย เคลียร์ชัดเจน โดยรวมออกจะมีความอุ่นๆวอร์มๆเหมาะกับสาย Audiophile หรือผู้ที่ชอบความนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้เยอะนะครับ ความฉะฉานแจ่มแจ้งของเสียงกลางยังมาครบ เรียกว่าเป็นเสียงกลางที่กลมกล่อมละกันครับ
High
เสียงแหลมสว่างสดใสกำลังสวยครับ ถือว่าทำได้ดีมากเลยด้วยซ้ำ ความถี่สูงนั้นมาครบและให้ปลายเสียงที่ฟังเพราะเลย จากค่า default ของหูฟังก็ถือว่าดีมากแล้วแต่เรายังสามารถบูสเพิ่มได้อีกเหมือนกับเบส ซึ่งก็เช่นเดียวกันผมว่าเพิ่มนิดหน่อยยังพอสวยอยู่ แต่ถ้าดันไปเต็มกราฟมันจะคมจนเกินจะฟังครับ เชื่อผมเถอะว่า B&W เค้าจูนค่ามาตราฐานมาดีมากแล้วจริงๆ
ลืมบอกไปนิดว่าการใช้งานโหมด Noise Cancelling จะส่งผลต่อคาแรคเตอร์เสียงโดยรวมนิดหน่อยนะครับ สำหรับการเปิดใช้ ANC กับ Pass-Through นั้นโทนเสียงจะไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าเราปิด ANC โทนเสียงจะต่างแบบสังเกตุได้
แต่ก็น่าแแปลกผมกลับชอบฟังเพลงผ่านการใช้โหมด ANC มากกว่า ไม่ใช่แค่ว่าบรรยากาศมันเงียบกว่านะ ผมชอบความแน่น ฟังสนุกที่ให้เรามากกว่าเวลาเปิดใช้ ANC แต่อันนี้ก็ต้องแล้วแต่รสนิยมล่ะครับ
Conclusion
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสำนักรีวิวชื่อดังอย่าง What Hi-Fi ให้คะแนน B&W Px7 S2 ถึง 5 ดาวเต็ม เพราะของเค้าดีจริงๆ เป็นหูฟังที่ขึ้นมาหวดคู่แข่งอย่าง Sony WH-1000XM5 หรือ Apple AirPods Max ได้อย่างสบายๆ
สำหรับนักฟังที่ซีเรียสกับคุณภาพเสียงในระดับนึง Px7 S2 สามารถตอบโจทย์ความต้องการคุณได้อย่างดีเกินพอครับ ไม่ว่าคุณจะชอบฟังเพลงสไตล์ไหนโทนเสียงที่ได้ก็เวิร์ค ฟังเมนสตรีมก็ดี ร็อคก็มันส์ ออดิโอไฟล์ก็ให้รายละเอียดอย่างไม่เคอะเขิน
ถ้างบประมาณของคุณไม่เป็นผลกับการเลือกซื้อหูฟัง Wireless Over-ear ล่ะก็ควรเอา B&W Px7 S2 เข้ามาใน wishlist ของคุณโดยพลันครับ