รีวิว EverSolo DMP-A6 Master Edition สตรีมเมอร์สุดคุ้มคุณภาพสุดยอด Part 1

ในที่สุด EverSolo DMP-A6 Master Edition (ชื่อรุ่นยาวเหลือเกิน ฮ่าๆ) ก็ส่งมาถึงมือผมให้ได้ทดสอบซะที หลังจากที่ได้ไปลองลูบๆคลำๆที่หน้าร้านมาบ้างแล้ว และก็รู้สึกได้ว่ามันทั้งเสียงดีทั้งน่าใช้เอาเรื่อง แต่ของหยั่งงี้มันต้องลองด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะพิสูจน์ได้ ว่าแล้วก็แกะกล่องลองเทสกันเลยดีกว่าครับ

EverSolo DMP-A6 Master Edition : Music Streamer

PROS จุดเด่น	CONS จุดด้อย
ดีไซน์สวย จอทัชสกรีนใหญ่และตอบสนองได้ดี	ไม่มีเฮดโฟนแอมป์มาด้วย
เมนูออกแบบมาใช้งานง่าย เซ็ทอัพก็ไม่ยุ่งยาก	ต้องซื้อรีโมทแยกต่างหาก
เสียงดีจนไม่จำเป็นต้องใช้ DAC ภายนอกก็ได้
ใช้ internal storage แบบ SSD
รองรับการสตรีมทุกรูปแบบและยังริปแผ่นซีดีเก็บได้อีก

Streamer of Choice

สำหรับพาร์ทแรกของการรีวิวผมขออนุญาตแนะนำเจ้า EverSolo DMP-A6 Master Edition โดยภาพรวมก่อนนะครับ เผื่อว่าท่านใดที่ยังไม่คุ้นเคยกับ music streamer หรือเคยได้ยินชื่อมาแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันใช้งานยังไง เดี๋ยวผมจะแจ้งแถลงไขให้ทราบทั้งหมดครบถ้วนครับ

ความสามารถหลักของ DMP-A6 คือการเป็น music streamer หมายถึงว่าเค้าเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถสตรีมเพลงจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งต่างๆได้โดยตรงและครอบคลุมทุกเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Spotify, TIDAL, Apple Music และอื่นๆอีกมากมาย การสตรีมในรูปแบบนี้เราจะเรียกว่า Online Streaming ครับ

นอกจากนี้ DMP-A6 ยังสามารถใช้งานสตรีมในรูปแบบ Local Network Streaming หรือการสตรีมผ่านไวร์เลสเน็ทเวิร์คในบ้านเราด้วย AirPlay, DLNA หรือ Roon Ready ก็ได้

ถัดมาก็ยังเป็น Local Music Playback ที่เราจะเอาไฟล์เพลงต่างๆมาใส่ไว้ใน storage ของเครื่องเพื่อฟังเพลงแบบ offline เราสามารถใช้ external storage เชื่อมต่อผ่าน USB อย่าง Flashdrive, Harddisk หรือจะใช้เน็ทเวิร์คอย่าง NAS ก็ได้ครับ

DMP-A6 สามารถฟังเพลงผ่าน Internet Radio ได้โดยมีแอพอย่าง Radio Paradise, RadioDroid หรือ Open Radio ให้ดาวน์โหลดมาติดตั้งใช้งานได้ครับ

จะเห็นว่าจุดเด่นอย่างแรกของ DMP-A6 คือความสามารถในการเป็น source music player ที่ครบทุกรูปแบบ จบได้ในตัวเดียว แต่ว่าทาง EverSolo ก็ยังเพิ่มในส่วนของ Internal DAC คือมีวงจรถอดรหัสภายในเครื่องให้ด้วย ซื้อมาปุ๊บแค่ต่อออกลำโพงหรือแอมป์ก็พร้อมใช้งานได้ทันที ค่อนข้างสะดวกสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ไม่อยากเซ็ทอัพระบบใหญ่ๆ

ต้องบอกก่อนว่า DMP-A6 มี 2 รุ่นย่อยด้วยกัน คือรุ่น Standard และรุ่น Master Edition ที่เรากำลังดูกันอยู่นี่นะครับ ซึ่งรายละเอียดของรุ่น Master Edition จะมีดีไซน์ภายนอกแบบสีดำตัดกับสีทอง และอัพเกรดระบบ clock กับ Op-Amp ให้ดีกว่ารุ่น Standard แต่ว่ารายละเอียดของ DMP-A6 ยังไม่หมดเท่านี้ เดี๋ยวเราค่อยๆทยอยดูไปทีละส่วนกันครับ

Packaging and Accessories

ตามสูตรรีวิวของผมต้องพาไปดูกันตั้งแต่แพคเกจและอุปกรณ์ที่แถมมาให้ครับ ในส่วนของกล่องใส่ตัว DMP-A6 ดีไซน์ออกมาสวยงามดูดีเลยทีเดียว แต่ในรูปอาจจะเห็นร่องรอยการขนย้ายมาบ้างก็อย่าได้ซีเรียสไปเพราะที่ผมได้มาเป็นตัวเดโม่ครับ ใครถอยของใหม่ไปรับรองว่ากล่องจะเนียนกริ๊บๆ

แกะกล่องมาเราจะเจอกับคู่มือแบบ quick start guide ให้คุณเริ่มใช้งานเครื่องได้แบบรวดเร็ว ส่วนคู่มือโดยละเอียดสามารถสแกนที่ QR code ด้านหลังแผ่น qucik start guide ได้ครับ

ภายในกล่องก็จะมีตัวเครื่อง EverSolo DMP-A6 ที่มีซองใส่อย่างดีซ้อนมาอีกชั้น ส่วนพวกอุปกรณ์ที่แถมมามีไม่มากครับ ประกอบด้วยสายเพาเวอร์, สาย USB และไขควงสำหรับถอดเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ SSD ที่ข้างใต้เครื่องเท่านั้นเอง

Design & Build Quality

อุปกรณ์ไม่มีอะไรมากงั้นไปดูกันต่อที่ตัวเครื่องเลยครับ สำหรับเรื่องงานออกแบบส่วนตัวแล้วโดนใจผมเลย สวยจัดด้วยวัสดุตัวถังเป็นอะลูมิเนียมอย่างดี งานประกอบเนียนกริ๊บ ถึงโดยรวมตัวเครื่องจะเป็นสีดำแต่ก็มีการวางโลโก้และชื่อรุ่นสีทองตัดเอาไว้ด้านหน้าซ้ายของเครื่อง เมื่อบวกกับจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้วและปุ่มโวลลุ่มด้านขวาที่มีวงแหวนไฟ LED สีส้มเวลาใช้งาน ยิ่งเพิ่มความสวยงามให้ DMP-A6 Master Edition อีกหลายเท่า สวยขนาดที่ว่า ผบ. ของผมที่ปกติไม่ได้สนใจ gadget พวกนี้ พอเห็นผมเอามานั่งเล่นที่บ้าน นางยังบอกอยากได้ซักเครื่อง เพราะสวยและฟังเพลงง่ายมากๆ ฮ่าๆ

FRONT

ตัวหน้าจอถือว่าให้มาใหญ่ใช้ได้เลยครับ เท่าที่ดูมาถ้าเป็นสตรีมเมอร์ในพิกัดใกล้ๆกันแถบไม่มีรายไหนให้หน้าจอมาใหญ่ขนาดนี้เลย จากการใช้งานจริงถือว่าสะดวกอยู่ แต่ถ้าเป็นคนมือใหญ่มากๆก็อาจจะจิ้มไม่ได้ง่ายมากนัก แต่โดยรวมผมถือว่าเยี่ยมเลย ผมมองหาสเปคของ resolution หน้าจอไม่เจอ แต่ดูด้วยตาแล้วก็ได้ความชัดระดับ HD สีสวย รายละเอียดคมกริบ ปกอัลบั้มกระแทกตาทุกครั้งที่ใช้งาน

ที่ชอบอีกอย่างคือระบบสัมผัสทำงานได้ว่องไว แตะเป็นมา รูดเป็นมา อาการหน่วงและกระตุกอาจจะมีบ้างตอนรูดขึ้นลงรัวๆเวลาหาเพลง แต่อยู่ในระดับที่รับได้ ใช้งานไม่มีปัญหา ตรงนี้น่าจะต้องยกความดีความชอบให้ OS ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 11 กับหน่วยประมวลผล CPU ARM Cortex-A55 (Quad-core) พร้อมแรมอีก 4GB

อย่างที่บอกว่าวงแหวนไฟ LED ที่อยู่บริเวณปุ่มโวลลุ่มก็เพิ่มความสวยงามให้ตัวเครื่องอีกมาก โดยเฉพาะเวลาใช้งานยามค่ำคืน เราสามารถเลือกระดับความสว่างของไฟ LED ตัวนี้ได้อีกนะ ส่วนตัวปุ่มนอกจากจะใช้ปรับระดับเสียงแล้วยังทำหน้าที่เป็นสวิทช์เพาเวอร์สำหรับเปิดปิดเครื่องด้วยครับ

BACK

ไปดูรายละเอียดพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆที่ด้านหลังเครื่องกันครับ ผมจะค่อยๆไล่ไปจากฝั่งซ้ายก่อนนะ หลักๆก็จะมีช่องเสียบสายเพาเวอร์และจะมี main power switch ให้ด้วย ซึ่งดีมากๆเพราะสวิทช์ตัวนี้ช่วยถนอมอายุอุปกรณ์ของเราได้ อย่างเวลาที่เรากำลังจะเชื่อมต่อสายเพาเวอร์ให้แน่ใจว่าสวิทช์นี้ปิดอยู่เพื่อป้องกันการสปาร์คของไฟฟ้า หรือเมื่อปิดเครื่องไม่ได้ใช้งานก็ปิดสวิทช์นี้อีกทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไฟฟ้าไหลเข้าไปในระบบแน่นอน

ด้านบนจะเป็นเสาสัญญาณสำหรับรับ Wi-Fi สองเสาและด้านล่างจะเป็นช่อง Gigabit LAN สำหรับเสียบสาย LAN นั่นแหละครับ ซึ่งจะให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ดีกว่ามาก ส่วนเสาสัญญาณอีกอันทีเหลืออยู่มีไว้รับสัญญาณ Bluetooth เราสามารถส่งสัญญาณ Bluetooth จากอุปกรณ์ต่างๆมาฟังเพลงที่ DMP-A6 ได้อีกทาง

เขยิบมาที่ช่วงกลางเครื่องก็จะมีช่อง

• HDMI OUT : เป็นช่องสำหรับส่งสัญญาณ Audio เท่านั้นนะครับ
• USB 3.0 : มีทั้งช่อง OTG สำหรับเชื่อมกับ external storage ทั้งหลายและช่อง Audio Out สำหรับส่งสัญญาณไปยัง DAC ภายนอกก็ได้
• Digital Input : มีให้เลือกทั้งแบบ Coaxial, Optical และ USB-C ทำให้เรารับสัญญาณจากภายนอกอย่างเช่น Digital Audio Player หรือเครื่องเล่น CD เข้ามาใช้ภาค DAC ของ DMP-A6 ได้ ลืมบอกไปอีกอย่างว่า DMP-A6 สามารถ rip แผ่นซีดีเก็บเป็นไฟล์ได้ด้วยนะครับ

สองส่วนสุดท้ายด้านขวามือก็จะมีช่อง

• Digital Out : ใช้ส่งสัญญาณไปยัง DAC ภายนอกได้เช่นกันคือช่อง Coaxial และ Optical
• Analog Out : ใช้ส่งสัญญาณไปยัง Amp หรือลำโพง Active ด้วยช่อง RCA และ XLR

แวะให้ดูใต้ท้องเครื่องนิดนึงครับ ตรงนี้จะเป็นจุดที่เราใช้เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์แบบ SSD สามารถรองรับความจุสูงสุดได้ถึง 4 TB เราจึงสามารถเอาไฟล์เพลง Hi-Res ในคลังของเรามาเก็บไว้ที่ตัว DMP-A6 ได้เลย

Testing Testing

สำหรับพาร์ทแรกผมจะเล่าถึงการเริ่มต้นใช้งาน EverSolo DMP-A6 Master Edition ให้ดูกันก่อนนะครับ จะได้เห็นฟังค์ชั่นรวมๆของเค้าได้เร็วขึ้น และจะได้เห็นว่าการใช้งาน DMP-A6 ง่ายดายและไม่ซับซ้อนเลย

แกะกล่องมาปุ๊บผมก็เชื่อมต่อสายเพาเวอร์ก่อนและให้แน่ใจว่า main power switch ยังปิดอยู่ก่อนที่เราจะเสียบปลั๊ก ในรอบแรกที่ทดลองใช้งานผมต่อสาย analog out ไปยังลำโพงมอนิเตอร์โดยตรงผ่านเอาท์พุต XLR รูปแบบนี้สัญญาณจะเดินทางในระบบ balanced ซึ่งจะให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดครับ

การเชื่อมต่อเข้ากับระบบออนไลน์ผมแนะนำให้ใช้สาย LAN จะสะดวกกว่า Wi-Fi นะครับเพราะไม่ต้องเซ็ทอัพอะไรทั้งนั้น เสียบสายปุ๊บเครื่องจะพร้อมออนไลน์ทันที รวมถึงมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลดีกว่าด้วย

เปิดเครื่องมาครั้งแรกระบบก็จะให้เราเซ็ทค่าการทำงานพื้นฐานทั่วไปอย่างภาษา เวลา และให้เราติดตั้งแอพพลิเคชั่น Eversolo Control เข้ากับโทรศัพท์หรือแท็ปเลทเพื่อการควบคุมแบบรีโมท

ผมเริ่มต้นทดสอบฟังเพลงด้วยรูปแบบ online streaming ผ่าน TIDAL ก่อนใช้งานผมเช็คที่เมนู Source ว่าเลือก input และ output ถูกต้องชัวร์มั้ย โดยค่า default ของเครื่องจะเลือก input เป็นรูปแบบ internal player อยู่แล้ว ซึ่งใครที่ใช้งานแบบ online streaming เป็นหลักก็ไม่ต้องเปลี่ยนค่าอะไรเลย แค่เช็คที่เอาท์พุตว่าเราใช้ XLR หรือ RCA อยู่แล้วก็เลือกให้ถูกต้องเท่านั้นเองครับ

เข้าไปที่เมนู Streaming แล้วเลือกเปิดแอพ TIDAL ระบบก็จะให้เรา Log in ซะก่อน ซึ่งเมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะพร้อมฟังเพลงทันที การเซ็ทอัพเรียกว่าง่ายดายมากๆ ถ้าเป็นคนที่มีประสบการณ์การใช้ music streamer มาบ้างผมเชื่อว่าไม่ต้องเปิดคู่มือก็เซ็ทอัพได้ด้วยตัวเองแน่ๆครับ

Overview

ช่วงแรกผมเทสการฟังเพลงด้วยรูปแบบ online streaming เป็นหลักผ่านแอพอย่าง TIDAL และ Spotify ครับ ในการใช้งานถือว่าราบลื่นไม่มีปัญหา การเซ็ทอัพทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นานก็พร้อมฟังเพลงทันที

สำหรับแอพอย่าง TIDAL ที่ติดตั้งมากับเครื่องอาจจะมีหน้าตาแตกต่างกับแอพที่อยู่ในคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ไปบ้าง แต่ก็ปรับตัวใช้งานได้ไม่ยากครับ DMP-A6 รองรับการถอดรหัสไฟล์ MQA ได้เลยจึงใช้งานกับ TIDAL แล้วเวิร์คมากๆ คุณภาพเสียงดีเยี่ยม ส่วน Spotify ตัวอินเตอร์เฟสจะถอดแบบมาจากแอพบนโทรศัพท์เป๊ะๆ เปิดมาไม่ต้องสังเกตอะไรมากก็ลุยฟังเพลงได้ทันที

ถัดมาผมลองส่งสัญญาณจากโทรศัพท์ไปฟังเพลงที่ DMP-A6 ผ่านทางระบบ Bluetooth ซึ่งก็ใช้งานง่ายเพียงแค่ไปที่เมนู Source และเปลี่ยนอินพุตเป็น Bluetooth In เราก็จะเชื่อมต่อโทรศัพท์เราเข้ากับเครื่องได้เลย แต่ว่า DMP-A6 จะสามารถรับสัญญาณจากอุปกรณ์ภายนอกมาได้อย่างเดียวนะครับ ไม่สามารถส่งสัญญาณไปยังหูฟังหรือลำโพงบลูทูธได้ คือเป็นแค่ Bluetooth Receiver อย่างเดียวนั่นเอง

อีกจุดที่ผมได้ทุดสอบก็คือเชื่อมต่อ external storage ผ่านช่อง USB เพื่อทดสอบฟังเพลง Hi-Res Audio ซึ่งก็ไม่มีปัญหาใดๆเช่นกัน เมื่อต่อสาย USB เสร็จเราจะสามารถเห็นชื่อ Drive ของเราที่เมนู Files ได้ จากนั้นไปที่เมนู Music และต่อไปที่เมนูย่อย Library เพื่อกด scan drive ที่เราเชื่อมต่อ เท่านั้นก็พร้อมฟังเพลงแบบ offline แล้วครับ ซึ่งตัว DMP-A6 สามารถรองรับไฟล์ความละเอียดสูงสุดได้ถึง PCM 32bit 768kHz และ DSD512

---

Conclusion

จากภาพรวมที่ได้ลองทดสอบเซ็ทอัพและลองใช้งานคร่าวๆก็ต้องบอกว่า EverSolo DMP-A6 Master Edition ออกแบบภายนอกมาได้โดนใจและออกแบบภายในมาให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานครับ Interface ใช้ง่ายไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก คุณภาพเสียงก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ถ้าคุณมี DAC ภายนอกเทพๆก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีก

ถ้าไล่ดูจนจบแล้วเริ่มสนใจเจ้า EverSolo DMP-A6 Master Edition ขึ้นมาละก็เดี๋ยวเราไปต่อกันในพาร์ท 2 กันครับ จะได้เห็นฟังค์ชั่นในแต่ละส่วนกันละเอียดมากขึ้น รับรองได้ว่าถ้าอ่านจนจบก็มีแนวโน้มว่าจะเสียสตางค์กันได้ไม่ยากครับ ฮ่าๆ