รีวิว EverSolo DMP-A6 Master Edition สตรีมเมอร์สุดคุ้มคุณภาพสุดยอด Part 2
ต่อกันกับพาร์ทที่ 2 ครับหลังจากพาร์ทแรกเราได้เห็นภาพรวมและความสามารถของ EverSolo DMP-A6 Master Edition กันไปแล้ว รอบนี้ผมจะพาไปตระเวณท่องดูฟีเจอร์ต่างๆของเค้าโดยละเอียดกัน รับประกันว่าอ่านสองพาร์ทนี้จบตัดสินใจเสียเงินได้ไม่ยากครับ
EverSolo DMP-A6 Master Edition
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
ดีไซน์สวย จอทัชสกรีนใหญ่และตอบสนองได้ดี | ไม่มีเฮดโฟนแอมป์มาด้วย |
เมนูออกแบบมาใช้งานง่าย เซ็ทอัพก็ไม่ยุ่งยาก | ต้องซื้อรีโมทแยกต่างหาก |
เสียงดีจนไม่จำเป็นต้องใช้ DAC ภายนอกก็ได้ | |
ใช้ internal storage แบบ SSD | |
รองรับการสตรีมทุกรูปแบบและยังริปแผ่นซีดีเก็บได้อีก | |
Features
เริ่มพาร์ท 2 ด้วยการไปไล่ดูสเปคและฟีเจอร์ของ DMP-A6 Master Edition กันครับ
- DMP-A6 สามารถตอบสนอง Hi-Res Audio ได้เต็มพิกัดครับด้วยชิป DAC ES9038Q2M จำนวนสองตัวรองรับระบบ Fully Balanced สำหรับรุ่น Master Edition ที่เราเทสกันอยู่ยังเพิ่มความพิเศษในเรื่องระบบ clock และ op-amp ให้ดีกว่ารุ่น Standard สามารถรองรับความละเอียดไฟล์สูงสุดได้ถึง DSD512 Native, PCM768KHz/32Bit และถอดรหัส MQA ได้แบบ full decoding
DMP-A6 Master Edition จึงเหมาะสำหรับการสตรีมไฟล์ Hi-Res ผ่านแอพยอดฮิตในบ้านเราอย่าง TIDAL หรือ Apple Music ครับ โดยเฉพาะสาวก TIDAL ที่รองรับ MQA เลยไม่ต้องไปหา DAC ที่ไหนมาเพิ่ม ส่วนการเอาไฟล์เพลงมาไว้ในเครื่องเพื่อเล่นแบบ offline ก็ทำได้สบายเช่นเดียวกันรองรับฟอร์แมทได้หลากหลาย - EOS audio engine เป็นระบบที่พัฒนาโดย EverSolo เองทำให้การถอดรหัสสัญญาณไม่มีข้อจำกัดในเรื่อง SRC หรือ sample rate conversion ที่ถูกควบคุมโดยระบบปฎิบัติการ ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกส่งไปถอดรหัสมีความสมบูรณ์เหมือนไฟล์ต้นทางทุกประการ ระบบนี้เราสามารถเลือกเปิดปิดการทำงานได้ในเมนู Settings ครับ
จริงๆแล้วตัว DAC ภายในของ DMP-A6 อาจจะยังไม่สามารถเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสุดยอดนะครับ แต่ก็ถือว่าอยู่ในมาตราฐานที่ดี ถ้าอยากยกระดับคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นไปอีกค่าตัวของ External DAC ที่จะเอามาใช้ก็จะต้องอยู่ในระดับที่ซื้อ DMP-A6 ได้อีกเครื่องนั่นล่ะครับถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
- Bluetooth support : ใช้ชิป Qualcomm QCC5125 ทำงานภายใต้ระบบ bluetooth 5.0 พร้อมรองรับ codec คุณภาพสูงอย่าง aptX HD และ LDAC แต่ย้ำอีกทีว่า DMP-A6 ใช้งานเป็นตัว receiver คือรับสัญญาณบลูทูธเข้ามาเล่นที่ตัวเครื่องได้อย่างเดียวนะครับ ไม่สามารถเป็น transmitter ส่งสัญญาณไปยังหูฟังหรือลำโพงบลูทูธได้
- ใช้งาน local network streaming ได้ทันทีผ่าน TIDAL และ Spotify Connect อย่างเวลาที่เราใช้งานแอพทั้งสองอยู่เมื่อกดไปที่เครื่องหมายลำโพงก็จะเห็น DMP-A6 อยู่ในระบบให้เลือกเชื่อมต่อได้
หรือใครที่ใช้ Roon อยู่แล้ว DMP-A6 ก็รองรับ Roon Ready ด้วย ทำให้เราสามารถเซ็ทอัพระบบโดยใช้ DMP-A6 เป็นทั้ง Core และ Outputs ของ Roon ได้เลยสะดวกมากๆ
ยังมี Airplay และ DLNA ให้เลือกใช้ได้อีกนะครับ แต่ถ้าใครอยากเชื่อมต่อเข้ากับคลังเพลงในบ้านผ่าน LAN ก็มีโปรโตคอลอย่าง NFS, SMB, Web DAV และ UPnP ให้ด้วย
- CD Rip : เราสามารถริปแผ่นซีดีเก็บไว้ในเครื่องได้ด้วยครับ แค่เอาเครื่องเล่นซีดีมาเชื่อมต่อเข้ากับ DMP-A6 ผ่านดิจิตอลอินพุตอย่าง Coaxial แล้วก็ใช้แอพที่ติดตั้งเอาไว้ในเครื่องริปแผ่นได้เลย
- DOH Processing Chip : สำหรับ HDMI เอาท์พุตทำให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานร่วมกับไฟล์ DSD
- DAC Filters : ที่เมนู Settings เมื่อเราเข้าไปดูที่ส่วนของ XLR/RCA output จะมี DAC Filters ให้เลือกใช้ได้ 7 รูปแบบด้วยกันครับ มีรายละเอียดอธิบายคาแรคเตอร์เสียงของฟิลเตอร์เสียงแต่ละตัวให้ดูที่คู่มือครับ
- Media Management System : การจัดการไฟล์เพลงต่างๆบน DMP-A6 ทำได้อย่างอิสระครับ เราจะ cut, copy, paste หรือ delete อะไรก็ทำได้หมด และยังมี SMB sharing function ที่ให้เราแชร์ไฟล์เพลงออกไปยังอุปกรณ์อื่นที่เชื่อมต่อในวง LAN อยู่ก็ได้
Control & Remote App
มาดูวิธีควบคุมเครื่องโดยละเอียดกันครับ หลักๆแล้วเราสามารถใช้งาน DMP-A6 Master Edition ได้ผ่านหน้าจอทัชสกรีนที่ตัวเครื่องโดยตรง กับอีกวิธีคือติดตั้งแอพ Eversolo Control ลงบนโทรศัพท์หรือแท็ปเลท ซึ่งสามารถคุมการเล่นเพลงและตั้งค่าทุกอย่างบนตัวเครื่องได้หมดทุกประการเหมือนกับที่เราไปกดบนหน้าจอ
เสียดายว่า EverSolo ไม่มีรีโมทแถมมาให้ด้วย จริงๆแล้ว DMP-A6 ก็มีรีโมทคอนโทรลโดยเฉพาะนะครับ แต่ว่าต้องสั่งซื้อแยกต่างหาก ถึงแม้ว่าเราจะใช้งานโทรศัพท์แทนรีโมทได้ก็จริง แต่การสั่งงานพื้นๆอย่างปรับระดับเสียงหรือว่าเล่นเพลงทำจากรีโมทจะง่ายกว่าเยอะและยังสะดวกกว่าด้วยไม่ต้องคอยหยิบโทรศัพท์เปิดแอพทุกครั้ง ซึ่งเป็นข้อเสียจุดนึงของ DMP-A6 ครับ
สำหรับเมนูหลักไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ประกอบไปด้วย 6 เมนูคือ
- Music : เป็นเมนูควบคุมการเล่นเพลงทั้งหมดที่อยู่ในตัวเครื่อง ระบบจะแบ่งหมวดหมู่ตาม tracks เพลง, artists หรือว่า albums ให้อัตโนมัติ เราสามารถสร้าง playlist หรือสร้าง collection ต่างๆได้ตามใจชอบ
- Streaming : ในนี้จะรวม streaming app ต่างๆไว้ทั้งหมด รวมถึงการเข้าสู่ระบบ cloud driver ด้วย
- Files : ใช้จัดการไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ใน internal และ external storage
- Source : สำหรับเลือก input และ output ที่ต้องการใช้งาน
- Apps : รวมแอพพลิเคชั่นนอกเหนือจาก streaming app อย่างเช่นแอพสำหรับริปซีดีหรือแอพสำหรับอัพเดทเครื่อง
- Settings : ใช้ปรับตั้งค่าตัวเครื่องทั้งหมด
ส่วนขวาสุดบนหน้าจอจะเป็นเมนูควบคุมการเล่นเพลงมาตราฐานอย่าง play / pause, next, previous และก็มีปุ่ม home และ back สำหรับการเข้าออกหน้าเมนูต่างๆ
ปุ่มโวลลุ่มภายนอกใช้เป็นปุ่มเพาเวอร์เปิดปิดเครื่องไปในตัว เมื่อเปิดเครื่องอยู่เมื่อเรากดขึ้นมา 1 ทีจะมีเมนูสำหรับรีบูท, ตั้งเวลาเปิดปิดเครื่อง และปิดหน้าจอให้เลือก แต่ถ้าเรากดค้างก็จะเป็นการปิดระบบทันทีครับ
อย่างที่บอกว่าวงแหวนไฟ LED ที่ด้านหลังปุ่มโวลลุ่มนั้นเท่มากๆ และเรายังสามารถเลือกระดับความสว่างในเมนู settings ได้อีกนะ
ส่วนของหน้าจอก็สามารถเลือกระดับความสว่างได้เช่นเดียวกัน หรือถ้าเบื่อดูปกอัลบั้มเรายังสามารถเปลี่ยนให้เป็น analog VU meter แบบในรูปก็ได้นะครับ ซึ่งมี VU meter 4 แบบให้เราเลือกเปลี่ยนได้ตามความชอบ ซึ่งก็ดูสวยงามและตอบสนองได้เหมือนมิเตอร์ของจริงเลย
เวลาใช้งานผ่านแอพนอกจากจะใช้เมนูปกติของตัวแอพเองแล้วเรายังสามารถ cast หน้าจอของ DMP-A6 มาไว้บนโทรศัพท์เลยก็ยังได้ จะทำให้เราควบคุมตัวเครื่องได้เหมือนไปกดที่หน้าจอเองเลย ก็ถือว่าสะดวกดี ทำงานได้ว่องไวแทบไม่รู้สึกถึงความหน่วงหรืออาการดีเลย์เวลาสัมผัสครับ
Conclusion
ขอสรุปสิ่งที่ผมชอบและไม่ชอบเมื่อได้ทดลองใช้ EverSolo DMP-A6 Master Edition ให้ลองฟังกันดูนะครับ
Like
- ดีไซน์สวย : อันนี้อาจจะเป็นความชอบส่วนตัว แต่เมื่อเอาตัวเครื่องมาลองวางเซ็ทอัพใช้งานกับชุดเครื่องเสียงเดิมผมรู้สึกว่ามันลงตัวมากๆ โดยเฉพาะชาว Black Gear ที่ชอบใช้อุปกรณ์สีดำเป็นหลัก แถมยังมีวงแหวนไฟ LED สีส้มมาเพิ่มด้วย คุณจะรู้สึกว่างานออกแบบมันสวยงามลงตัว รวมถึงคุณภาพของชิ้นงานและวัสดุเองก็อยู่ในขั้นยอดเยี่ยม
- หน้าจอใหญ่ คมชัด : ความใหญ่ของหน้าจอที่ให้มานอกจากจะทำให้ใช้งานง่ายแล้ว มันยังสวยงามคมชัดเวลาเราเปิดหน้าปกอัลบั้มขึ้นมาดู หรือจะแก้เบื่อด้วยการเปลี่ยนเป็น VU meter ก็ได้ ฟังเพลงไปตามองมิเตอร์ไปเพลินจริงๆ
- ใช้งานง่าย : การเซ็ทอัพครั้งแรกไม่ยุ่งยาก ยิ่งถ้าเราเชื่อมต่อผ่าน LAN ด้วยแล้วแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เสียบอุปกรณ์ครบ ต่อด้วย log in เข้าแอพก็พร้อมฟังทันที ส่วนของ user interface ทุกอันก็เข้าใจได้ง่าย เป็น music streamer ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้มาก
- เสียงดี : ระบบ DAC ของเครื่องเองถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมครับ ยิ่งบวกกับมี low noise power supply ด้วยแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าเสียงที่ได้คมชัดและสะอาดมาก ถ้าคุณไม่มี Desktop DAC ก็ยังไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มครับ ใช้งาน DMP-A6 เพียวๆได้เลย แต่ถ้าอยากอัพเกรดก็ต้องลงทุนกับค่าตัว DAC อีกพอสมควรเพื่อที่จะเห็นความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
- เป็นศูนย์กลางการฟังเพลงได้ทั้งหมด : ผมสามารถรวบการฟังเพลงทุกรูปแบบมาไว้ที่ DMP-A6 ภายในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเอาไฟล์เพลงมาไว้ในเครื่องโดยตรงหรือจะดึงมาจาก local network ในบ้านก็ได้ ส่วน music streaming app หลักๆที่ใช้ทุกวันนี้ก็รองรับทั้งหมด เวลาใช้งานโน๊ตบุ้คอยู่ก็ส่งสัญญาณ bluetooth มาฟังเพลงหรือดู youtube ผ่านเครื่องได้อีก หรือจะเอา DAP ที่มีคลังเพลงอยู่เยอะมาต่อแล้วใช้ DMP-A6 เป็น DAC ก็สบายมาก
Dislike
ถ้าหักเรื่องของรีโมทไปแล้วก็จะมีจุดที่ติดอยู่ข้อเดียวครับคือไม่มีเฮดโฟนแอมป์มาให้ด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ข้อเสียร้ายแรงอะไรสำหรับอุปกรณ์ที่เน้นฟังค์ชั่นไปในด้านสตรีมเมอร์มากกว่า แต่ไหนๆจะมีภาค DAC มาให้แล้วถ้ามีเฮดโฟนแอมป์ให้ต่อหูฟังได้เลยจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ
อ่อ ขออีกซักข้อแล้วกัน ฮ่าๆ ในเรื่องของแอพ TIDAL ที่มากับตัวเครื่องผมว่าอินเตอร์เฟสใช้งานได้ไม่คล่องตัวเท่ากับแอพบนโทรศัพท์หรือว่าคอมพิวเตอร์ ไม่ถึงกับใช้งานยากครับ แต่ถ้ายกอินเตอร์เฟสมาแบบ Spotify ได้เลยจะดีกว่า
สรุปใจความได้ว่า EverSolo DMP-A6 Master Edition เป็น music streamer ที่คุ้มค่าการลงทุนสุดๆในเวลานี้ครับ ใครที่มองหาสตรีมเมอร์เครื่องแรกและอยากได้คุณภาพที่ดีด้วยก็จัดได้เลย ถึงแม้ว่ายังไม่ใช้สตรีมเมอร์ระดับตัวจบแต่สำหรับผู้เริ่มต้นหรืออยากอัพเกรดจากระบบ desktop เล็กๆที่มีอยู่แล้ว ยังไง EverSolo DMP-A6 Master Edition ก็น่าเล่นมากๆและมีแต่ข้อดีมากกว่าข้อเสียครับ