รีวิว FIIL CC Pro2 หูฟัง True Wireless ที่จัดเต็มทุกฟีเจอร์
ในที่สุดผมก็ได้เจ้า FIIL CC Pro2 มาลองเทสจนได้ หลังจากที่ได้อ่านสเปค อ่านรีวิวคร่าวๆ จนเกิดกิเลสอยากลองฟังเสียงตัวเป็นๆซะเหลือเกิน เพราะได้ข่าวว่าสเปคดีเกินตัว ดีไซน์ก็สวย แถมราคายังแจ่มว๊าวมากๆ มาครับหลังจากที่ได้ลองแล้วผมจะมาเล่าให้ฟังว่าตัวท็อป TWS ของ FIIL นั้นเป็นยังไงกันบ้าง
FIIL CC Pro2 : True Wireless Earbuds with Hybrid ANC
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
ดีไซน์สวยไม่เหมือนใคร วัสดุดี สัมผัสเยี่ยม | มีความรู้สึกว่าหูฟังไม่ได้รับการปกป้องเหมือนเคสปกติ |
น้ำเสียงดีเกินราคา รองรับ Hi-Res Wireless ด้วย | ต้องจำระบบ Touch Control สักพักกว่าจะชิน |
ระบบ ANC ใช้งานได้ดีและมีหลายโหมดให้เลือก | Preset กับ Custom EQ ที่ให้มาเสียงไม่ประทับใจเท่าไหร่ |
เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์และสลับการทำงานได้ดี |
Packaging and Accessories
FIIL ออกแบบแพคเกจภายนอกและภายในให้ CC Pro2 ได้ดูดีเลยทีเดียวครับ เรียกว่าสมราคามากๆและก็แนะนำว่าอย่าได้ทิ้งเชียวถ้าคุณคิดจะขายต่อ เป็นจุดที่เรียกค่าตัวไม่ให้ตกได้แน่นอน
กล่องภายนอกดูดีอธิบายจุดขายของหูฟังเอาไว้ครบถ้วน พอเปิดมาภายในก็จะเห็นเป็นโทนสีดำจากซองใส่คู่มือ ถัดลงมาอีกชั้นก็จะเจอตัวเคสและหูฟังล่ะทีนี้ ในชุดยังมีสายชาร์จ USB-C และจุกหูฟังซิลิโคนให้อีกสองขนาดนอกเหนือจากที่ติดกับตัวหูฟังอยู่แล้วคู่นึงครับ
อุปกรณ์ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะครับ เรียบๆแต่ก็ครบเท่าที่ต้องใช้งาน
Build and Comfort
งานออกแบบถือว่าเป็นไฮไลท์ของ CC Pro2 เค้าเลย จริงๆ FIIL ตระกูล CC ที่แล้วๆมาก็ดีไซน์คาแรคเตอร์หูฟังของเค้าได้น่าสนใจทุกรุ่นครับแถมยังเคยคว้ารางวัลด้านงานออกแบบมาแล้ว เอกลักษณ์ของ CC Pro2 เลยก็คือถ้ามองจากด้านหน้าตรงๆตัวหูฟังกับเคสจะเป็นเหมือนหนึ่งเดียวกันไปเลย
วัสดุที่ใช้ทำตัวเคสและตัวหูฟังเองตามสเปคบอกว่าเป็นโลหะ เท่าที่ดูน่าจะเป็นอะลูมิเนียมนะครับ สัมผัสของพื้นผิววัสดุดีเยี่ยมเลย งานดูเนี๊ยบ ดูแพงเลยล่ะ
การเอาหูฟังออกมาใช้งานจึงทำได้ง่ายมากแค่สไล์ตัวหูฟังขึ้นมาจากเคสเท่านั้นเอง แต่ในทางกลับกันผมก็จะอดเสียวไม่ได้ว่าเวลาเอาหูฟังไว้ในกระเป๋ามันจะมีโอกาสโดนของอย่างอื่นแล้วหลุดออกมาจากเคสมั้ย เพราะตัวแม่เหล็กที่ดูดหูฟังไว้กับเคสก็ไม่ได้แรงมหาศาลขนาดนั้น
ส่วนการสวมใส่ใช้งานผมถือว่าโอเคเลยนะ ถึงแม้ว่าเวลาสวมใส่มันจะให้ฟีลลิ่งของหูฟังอินเอียร์มากกว่าหูฟังเอียร์บัดก็เถอะ แต่ใส่สบายครับ ไม่อึดอัดเกินไป ให้อารมณ์คล้ายๆ AirPods แต่ว่าแน่นหนากว่า เทคนิคในการใส่เจ้า CC Pro2 ให้แน่นหน้าก็คือพอใส่หูฟังเข้าไปในหูแล้วให้บิดทวนเข็มนาฬิกาเล็กน้อย ให้ปลายก้านหูฟังชี้มาทางปากเราจะทำให้ใส่หูฟังได้ฟิตที่สุดและปลายก้านหูฟังยังเป็นตำแหน่งของไมค์โครโฟนสำหรับใช้โทรศัพท์ด้วยครับ
ในจุกหูฟังที่ให้มาก็ซีลสนิทกับช่องหูผมได้พอดีเลย ตัวจุกซิลิโคนก็นุ่มสบาย ให้ผ่านครับหัวข้อนี้
Features
ถ้าเปรียบเทียบจากค่าตัวแล้ว FIIL ให้ลูกเล่นต่างๆสำหรับ CC Pro2 มาแน่นเลยทีเดียว ขออนุญาตไล่ให้ดูไฮไลท์ของเค้ากันเลยครับ
- fiil+ App
จะใช้งาน CC Pro2 ให้ได้เต็มประสิทธิภาพก็จำเป็นจะต้องติดตั้งแอพตัวนี้ลงไปซะก่อนครับ ภายในแอพเราจะเห็นสถานะต่างๆของหูฟังละเอียดเลยแหละ เช่นแบตเตอรี่ที่เหลือ การใช้งานโหมดต่างๆ และยังใช้ตั้งค่าการทำงานได้สะดวก
- MAF Noise Tuning and ANC Mode
CC Pro2 มีเซ็นเซอร์ที่จะตรวจจับการสวมใส่หูของเราได้ด้วยว่าแน่นหนาพอมั้ย ซึ่งจะส่งผลในการทำงานของระบบ Active Noise Cancellation ด้วยครับ ตามสเปคบอกว่าสามารถลดเสียงรบกวนได้มากถึง 42dB เลยทีเดียว ถ้าเราอยากรู้ว่าใส่หูฟังได้เรียบร้อยดีมั้ยก็สามารถเปิดระบบตรวจสอบเช็คได้เลย โดยระบบมันจะเปิดเพลงทดสอบออกมาและคาลิเบรตให้เราอัตโนมัติ
สำหรับโหมดตัดเสียงรบกวนจะมีให้เลือก 4 รูปแบบด้วยกันก็คือ
- Noise Cancelling Mode : สำหรับตัดเสียงรบกวนทุกอย่างแบบเต็มรูปแบบ หายเกลี้ยงหมด
- Windy Mode : เน้นตัดเสียงรบกวนที่มาจากลมเป็นหลัก
- Open Mode : ดูดเสียงรบข้างเข้ามาให้เราได้ยินเต็มที่
- Monitor Mode : จะลดเสียง ambient รอบข้างเราลงไปบ้างแต่ยังให้เราได้ยินเสียงพูดชัดเจนอยู่ครับ
เอาจริงๆเลยผมว่า CC Pro2 เป็นหูฟังที่ใส่ได้แน่นหนาด้วยตัวเค้าเองอยู่แล้ว ลำพังการใช้งานในบ้านผมแทบจะไม่ต้องใช้ ANC เลยก็ได้ แต่ความเจ๋งของ CC Pro2 ก็คือถึงแม้จะใช้ก็ไม่เอฟเฟคกับเสียงดนตรีที่เราฟังอยู่เลยครับ การสลับ ANC แต่ละโหมดในขณะที่เราฟังเพลงผมแทบจะสังเกตุไม่ได้เลยว่าเสียงดนตรีหลักมีการเปลี่ยนแปลงรึเปล่า การสลับโหมดไปมาทำได้เนียนหูมากๆ
แต่ละโหมด ANC ก็ใช้งานได้ดีเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่ต้องการได้ยินเสียงรอบข้างเลยก็ใช้ ANC Mode ได้เต็มที่ สำหรับ Windy Mode จะเน้นขจัดพวก Low Frequency Noise มากกว่า ถ้ามีเสียงรบกวนในย่านอื่นก็ยังรั่วเข้ามาได้บ้าง ส่วน Open กับ Monitor Mode ก็ใช้ได้ดีเวลาที่เราอยากได้ยินเสียงรอบตัวแต่ไม่ต้องถอดหูฟัง
- LDAC
ถ้าอุปกรณ์ฟังเพลงของเราอย่างโทรศัพท์หรือ DAP รองรับ LDAC ล่ะก็ต้องเปิดการใช้งานโหมดนี้ซะก่อนครับ ตัวของ CC Pro2 เองก็ทำงานภายใต้ระบบ Bluetooth 5.3 อยู่แล้ว เรื่องความเสถียร ความเร็วถือว่าหายห่วง
- EQ
FIIL CC Pro2 มี EQ Mode ให้เราเลือกใช้ 3 รูปแบบด้วยกันครับ
- Official EQ : ข้างในจะมีย่อยอีก 3 คาแรคเตอร์ให้เราเลือกคือเสียง Original ของหูฟังหรือจะเป็นโทนเสียงแบบเน้น Bass หรือเน้น Treble ก็ได้
- Preset EQ : เลือกใช้พรีเซ็ท EQ แบ่งตามแนวดนตรีต่างๆ
- Customized EQ : เลือกปรับ EQ เองตามใจชอบ โดยจะมี EQ ให้เลือกปรับทั้งหมด 9 Band ด้วยกัน
ส่วนตัวผมชอบใช้ Official EQ ครับ เสียงมันดีด้วยตัวเองอยู่แล้ว พอไปใช้พรีเซ็ทหรือตัวคัสตอมก็รู้สึกว่ามันคัลเลอร์เสียงเยอะเกินไป อันนี้ก็แล้วแต่ชอบนะครับ ต้องไปลองปรับกันเอาเองตามรสนิยม
- Full Control Mode
การเปิดโหมดนี้จะทำให้เราใช้งาน Touch Control ที่ตัวก้านหูฟังได้เต็มรูปแบบทุกฟังค์ชั่น ไม่ว่าจะควบคุมการเล่นเพลง, เพิ่มลดระดับเสียง, การโทรศัพท์ และเปลี่ยนโหมด ANC แต่ละแบบครับ
พูดถึงระบบ Touch Control ของเค้าเลยล่ะกัน โดยรวมผมค่อนข้างโอเคนะ สามารถควบคุมทุกฟังค์ชั่นได้จริงๆจากตัวหูฟังเลย อาจต้องอาศัยการจำรูปแบบวิธีกดหน่อยว่ากดกี่ครั้งใช้ทำอะไร กดค้างใช้ทำอะไร รวมถึงต้องกดที่หูฟังข้างซ้ายหรือขวา ใช้งานแรกๆก็จะมึนๆหน่อยว่าอันไหนเพิ่มเสียง, อันไหนลดเสียง, จะข้ามแทรคปุ่มไหนหว่า? หรือจะเปลี่ยนโหมด ANC แบบนี้ต้องแตะหูฟังข้างไหน (เพราะว่า ANC ทั้งสี่โหมดจะสลับได้จากหูฟังข้างซ้ายสองโหมดและข้างขวาอีกสองโหมดครับ)
ก็อาศัยความจำ ความเคยชินสักพักก็น่าจะคล่องกันไปเองครับผม
- Free Connection 2.0
เราสามารถเชื่อมต่อหูฟังกับหลายๆอุปกรณ์พร้อมกันได้เลยครับ แถมยังสลับการใช้งานได้ค่อนข้างไวซะด้วย เวิร์คมากฟังค์ชั่นนี้ เว้นเสียแต่ว่าคุณเปิดใช้งาน LDAC ฟังค์ชั่นนี้จะถูกยกเลิกการใช้งานครับ
- Wearing Detection
เปิดและปิดระบบบบตรวจจับการสวมใส่หูฟังได้ด้วย ถ้าเราถอดหูฟังออกหูฟังก็จะหยุดเล่นเพลงให้อัตโนมัติ พอใส่กลับก็เล่นต่อทันที จากการทดลองจัดว่าเซ็นเซอร์ทำงานไวใช้ได้เลย
- Low Latency Mode
เรายังปรับค่า Latency ของหูฟังให้เหมาะกับการใช้งานได้อีก 3 แบบ นั่นก็คือใช้เล่นเกมส์, ฟังเพลง หรือว่าดูวีดีโอ ผมไม่ได้ทดสอบระบบเกมส์ แต่เทียบระหว่างโหมดฟังเพลงและดูวีดีโอเห็นความแตกต่างครับ ถ้าเราใช้ Latency ในโหมด Music เวลาดูคลิป Youtube ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าเวลามีการพูดเสียงจะหลุดซิงค์เล็กน้อย แต่ถ้าเราเลือกใช้โหมด Video เพื่อใช้งาน YouTube ภาพและเสียงจะเป๊ะมาก ซึ่งผมก็คาดเดาว่าในโหมด Game ก็น่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต่างกัน
- IPX4
ใส่หูฟังออกกำลังได้เลยครับ กันละอองน้ำ กันเหงื่อได้สบาย แจ๋วมากที่ได้มาตราฐานความทนทานระดับนี้
ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นฟีเจอร์หลักๆของ CC Pro2 ครับ ที่เหลืออาจจะเป็นเมนูยิบย่อยที่ไม่ได้ส่งผลกับการใช้งานมากนัก อย่างเช่นการอัพเฟิร์มแวร์หรือรีเซ็ทระบบอะไรทำนองนี้ครับ
Sound Quality
ไปที่หัวข้อสำคัญสุดกันเลยนั่นก็คือเรื่องเสียงนั่นเอง ตามสเปคแล้ว CC Pro2 ใช้ ไดอะแฟรมที่เรียกว่า Wool Basin Compound มีขนาด 10.1mm ตอบสนองย่านความถี่ได้ตามมาตรา 20Hz – 20kHz
ผมจะอธิบายคาแรคเตอร์เสียงของเจ้า CC Pro2 แบบเป็นภาพรวมก็แล้วกันนะครับ สิ่งนึงที่ผมบอกได้แน่ๆเลยก็คือ เฮ๊ย! เสียงมันดีจริงแฮะ คือต้องบอกว่าถ้าผมเจอหูฟัง TWS ในค่าตัวสามพันนิดๆ ผมก็คงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เอาไว้ฟังเพลินๆก็พอแล้ว แต่เสียงที่ได้จาก CC Pro2 มันเกินกว่าที่ผมคิดไปพอสมควรเลย
ถ้าจะให้ตอบแบบทีเดียวจบรีวิวนี้ได้เลยก็คือ มันเสียงดีกว่า AirPods 3 ที่ผมใช้อยู่ซะอีก ทั้งๆทีค่าตัวต่างกันเท่านึง แฟนๆ Apple อย่าได้เคืองไปเพราะผมก็สาวก Apple เหมือนกัน แต่เรื่องเสียงผมโกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ
การจัดการแต่ละย่านความถี่ของ CC Pro2 ดีกว่าเยอะ เคลียร์ชัด แยกเลเยอร์และให้รายละเอียดเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ดีมาก โดยเฉพาะเบสฟังสนุกเลย มาเป็นลูก อุ้มซาวด์สเตจได้ดี แต่ไม่บวมไม่ล้นเกินนะ ย่านกลางและแหลมก็น่าฟังมาก จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ผมว่ามันชนะ AirPods เลย พอกลับไปฟัง AirPods ผมรู้สึกว่ากลางมันทู่ไปเลย แหลมก็ไม่สดใส แต่ CC Pro2 ให้สองย่านนี้มาครบ
หูฟัง TWS ที่ทั้งฟังเพลงเอามันส์ก็ได้ จะฟังเอารายละเอียดก็ดีในราคาแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ แต่ FIIL CC Pro2 ก็ทำได้จริง ยิ่งถ้าคุณเป็นชาวร็อคชอบซาวด์แน่นๆหนักๆ กระเดื่องกลองจิก, Low อิ่ม, ซาวด์กีตาร์หนาดั่งกำแพง ผมบอกเลยคุณจะหลงรักเจ้า CC Pro2 เอามากๆ
ในขณะเดียวกันถ้าผมต้องการความหวานละมุน รายละเอียดดีๆ ซาวด์สเตจโปร่งซักนิดซักหน่อยจากงานสไตล์แจ๊สหรือว่าคันทรี่ หูฟังตัวนี้ก็ให้ได้เช่นกัน มันแจ่มว๊าวจริงๆ
Conclusion
ไม่รู้จะเชียร์อะไรอีกดีให้คุณไปถอยเจ้า FIIL CC Pro2 กันซะเดี๋ยวนี้ เอาเป็นว่าถ้าไม่กลัวติดคุกผมคงเชิดหูฟังหนีไม่ส่งคืนร้านหลังรีวิวเสร็จแน่ๆ
ด้วยค่าตัวสามพันนิดๆ แต่ได้ฟังค์ชั่นและคุณภาพเสียงที่เหนือกว่าหูฟังที่แพงกว่าหนึ่งเท่าตัว ผมว่าถ้าไม่ซีเรียสเรื่องแบรนด์เล่น CC Pro2 เถอะเงินในกระเป๋าคุณจะเหลืออีกเยอะ ผมยังคิดว่าต้องหยอดกระปุกหาซื้อไว้ใช้เองซักตัวเลยครับงานนี้ ฮ่าๆ