รีวิว FOCAL Utopia 2022 หูฟังระดับ World Class ลุ่มลึกเหนือจินตนาการ
เป็นโชคดีของผมมากๆที่ได้ลองเทส Utopia ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในระยะเวลาที่ไม่ห่างกันมากนัก ถึงจะไม่ได้เอามาเทียบ A/B เทสกันโต้งๆแต่ก็ยังพอใช้ความทรงจำจับความแตกต่างของทั้งสองรุ่นได้ ถ้าจะให้เกริ่นแนะนำคร่าวๆไว้ก่อนล่ะก็ ต้องบอกว่า Utopia 2022 ยังคงมาตราฐานของหูฟังระดับท็อปไลน์ไดมอนด์เอาไว้ได้ทุกประการ และพัฒนาให้เข้าถึงคนฟังส่วนใหญ่ได้ง่ายขึ้นไปอีกด้วยครับ
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
ซาวด์สเตจ รายละเอียด การตอบสนองไดนามิคยังสุดยอดเหมือนเดิม | ยังมีน้ำหนักกดที่กลางศีรษะเวลาสวมใส่ |
เบสมีความกระชับ ชัดเจน ทำให้ฟังสนุกกว่าเดิม | ราคาแพงกว่ารุ่นก่อน |
เรื่องดีไซน์และวัสดุที่ใช้สวยงาม ดูดีมากๆ |
Packaging and Accessories
สารภาพตามตรงว่าผมไม่ได้มีเวลาลูปคลำแพคเกจของ Utopia 2022 มากนัก เท่าที่ผ่านตาบอกได้ว่าขนาดของกล่องสินค้าอลังการงานสร้างมากๆ ก็สมกับค่าตัวของเค้าแล้วล่ะครับ แต่แพคเกจด้านนอกมันไม่น่าสนใจเท่าของข้างในหรอกน่า ขออนุญาตเข้ามาดูที่เคสด้านในเลยก็แล้วกัน ^__^
เคสใส่หูฟังยังคงมีหน้าตาและลักษณะที่คล้ายกับรุ่นก่อนครับ คือเป็นเคสแบบกึ่งๆฮาร์ดและซอฟท์เคสผสมกัน ค่อนข้างแข็งแรงแต่ก็ไม่ควรทำตกหรือเผลอทำของหนักๆมาตกใส่เป็นอันขาด มีสิทธิ์ที่จะกระทบกระเทือนถึงตัวหูฟังภายในได้ง่ายๆ
ตัวเคสสามารถเก็บสายสัญญาณไว้ตรงกลางได้สายๆครับ สำหรับรุ่นปี 2022 สายสัญญาณที่ให้มาก็ยังคงเดิมประกอบด้วย
- สายแบบ TRS Jack connector ขนาด 3.5mm. ความยาว 1.5m.
- สายแบบ XLR 4-pin ความยาว 3m.
- อะแดปเตอร์แบบ 6.35mm.
ขั้วต่อที่เข้ากับตัวหูฟังจะเรียกว่า Lemo connector ออกแบบมาให้ล็อคเข้ากับขั้วได้แน่นหนาดีครับ ส่วนความยาวของสาย TRS คงเน้นให้ใช้กับพวกอุปกรณ์พกพาหรือแอมป์ตั้งโต๊ะเลยจะสั้นหน่อย ส่วนสาย XLR ก็ยาวจัดเต็มครับต่อฟังกับแอมป์บนซิสเต็มใหญ่แล้วลากสายมานั่งฟังบนโซฟาตัวโปรดได้เลย
Build and Comfort
งานออกแบบของ Utopia 2022 สวยขึ้นอีกเยอะเมื่อเปลี่ยนมาใช้ Grille สไตล์ Honeycomb ที่เริ่มนำมาใช้กับหูฟังรุ่นใหม่ๆของค่าย มันทำให้ตัวหูฟังดูมีรายละเอียดมีลูกเล่นขึ้นกว่าเดิมเยอะ แถมทางค่ายยังบอกว่ามันส่งผลต่อเรื่องอะคูสติคด้วยนะ
แต่มีจุดนึงที่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบคือตัวก้านหูฟังที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เหมือนเดิม แต่จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ที่นำมารีไซเคิลใหม่ ผมไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของมันแต่ผมไม่ค่อยชอบลวดลายเท่าไหร่ รุ่นก่อนดูเท่กว่าเยอะ แต่รุ่นนี้มันจะดูเหมือนสีเลอะๆยังไงก็ไม่รู้แฮะ
ส่วนการสวมใส่ใช้งานจริงไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นครับ สัมผัสที่ได้จากเอียร์แพดและเฮดแบนด์ยังดูพรีเมี่ยมเหมือนเดิมเป๊ะ ตัวเมมโมรี่โฟมก็นุ่มสบายมากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นหูฟังขนาดใหญ่แบบนี้ก็ใส่ได้สบายไม่อึดอัด แต่เรื่องน้ำหนักอาจต้องเผื่อใจไว้นิดนึงครับ เพราะขนาดของหูฟังคงเลี่ยงเรื่องน้ำหนักไปไม่ได้ ความรู้สึกที่กดทับลงมากลางศีรษะนิดหน่อยยังมีอยู่เช่นเดิม แต่สำหรับหูฟังฟูลไซส์ระดับนี้ผมว่าค่ายอื่นก็ไม่ต่างกันมากครับ
ชดเชยด้วยความโปร่งสบายของวัสดุและดีไซน์หูฟังแบบ Open-Back ทำให้เราสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานพอโดยที่ไม่ต้องถอดหูฟังมาพักบ่อยๆครับ
Sound Quality
Technical Specs
ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องเสียงที่สัมผัสได้ขอย้ำถึงสเปคของ Utopia 2022 กันอีกสักทีก่อนนะครับ
ส่วนของไดรเวอร์ถ้าดูเผินคล้ายเดิมมากๆ เป็นไดรเวอร์ขนาด 40mm. ที่ทำมาจาก beryllium ร้อยเปอร์เซ็น และใช้ดีไซน์แบบ ‘M’-shaped dome เช่นเดิม แต่ทางทีมวิศวะกรได้ปรับปรุงส่วนของ Voice Coil ขึ้นใหม่ครับ จากเดิมที่ทำจากอะลูมิเนียมเพียวๆ เปลี่ยนมาเป็นอะลูมิเนียมผสมทองแดง ทาง Focal ก็บอกว่ามันจะช่วยให้การถ่ายทอดเสียงเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
การตอบสนองความถี่ก็ยังกว้างใหญ่ไพศาลเหมือนเดิม ทำได้ตั้งแต่ 5Hz ไปจนถึง 50kHz ส่วนของอิมพีแดนซ์ก็ยังอยู่ที่ 80 โอห์ม ยังไงก็ต้องหาแอมป์มาช่วยขับแน่นอน ทาง Focal ที่จับมือเป็นพันธมิตรกับ Naim อยู่ก็รู้เรื่องนี้ดีจึงเชียร์เรื่องการแมทช์หูฟังเข้ากับแอมป์ของ Naim อย่างเจ้า Uniti Atom Headphone Edition สุดๆ แต่เอาจริงๆถ้าจะรีดประสิทธิภาพของ Utopia ให้ออกมาได้ทุกหยดก็ต้องใช้แอมป์ระดับท็อปแบบนี้ล่ะครับ
Sound Stage
เวทีเสียงของ Utopia 2022 ยังคงอลังการงานสร้างไม่มีเปลี่ยน มันเป็นซาวด์สเตจที่คุณจะหาไม่ได้จากหูฟังทั่วๆไปเลย คือทั้งกว้างและแม่นยำ สำหรับรุ่น 2022 ผมรู้สึกว่ามวลเสียงจะมีความแน่นฟังดูเเป็นกลุ่มก้อน จะไม่ฉีกกระชากเลเยอร์ต่างๆออกไปมากเท่ารุ่นก่อนอยู่ประมาณนึง แต่ความสามารถในการโฟกัสชิ้นดนตรีต่างๆแม่นยำและชัดเจนในระดับสุดยอดครับ การตอบสนองไดนามิคเรนจ์ก็ยังไม่มีที่ติเช่นเดิม การไล่น้ำหนักเสียงโดยเฉพาะกับการฟังเพลงแจ๊สให้ความบันเทิงกับสองรูเอียร์เราได้เป็นอย่างดี
Bass
จากความทรงจำเดิมผมว่า Utopia 2022 มีคาแรคเตอร์ของเสียงเบสที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย คือให้เบสที่อิ่ม มีเนื้อมีหนังมากขึ้น ส่งผลให้หูฟังรุ่นใหม่ตัวนี้จะเป็นมิตรกับผู้ฟังมากขึ้น ยิ่งถ้าคุณชอบฟังเพลงแบบเมนสตรีมพอกับฟังงานออดิโอไฟล์ Utopia จะตอบโจทย์มากๆ ส่วนเรื่องของรายละเอียด การควบคุมปริมาณต่างๆไม่ค่อยต่างจากเดิมครับ เบสสามารถลงได้ลึก เรียกว่าสุดยอดยังไงก็สุดยอดหยั่งงั้น เรื่องการบาลานซ์ความถี่ต่างๆของ Focal จัดว่าทำได้แบบเต็มกราฟครับ
Mid
เสียงกลางฟังลื่นหูเป็นอย่างยิ่ง เป็นเสียงกลางในอุดมคติของหูฟังออดิโอไฟล์ก็ว่าได้ คือชัดเจนมาก สามารถได้ยินทุกรายละเอียดแบบไม่มีหมกเม็ด แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ซาวด์ที่อุ่น มีน้ำหนัก ฟังสบายมากๆ คาแรคเตอร์ของเสียงกลางจะมีรายละเอียดที่ต่างจากรุ่นเก่าอยู่บ้างในเรื่องของมวลเสียงและความพุ่งของมัน ซึ่งส่วนตัวผมไม่คิดว่าจะเป็นข้อได้เปรียบเสียบเปรียบกันเท่าไหร่ครับ อันนี้จะขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนฟังซะมากกว่า
High
เสียงแหลมก็ถือว่าใกล้เคียงกันครับ ถ้าให้เทียบจากความรู้สึกคือรุ่นก่อนจะมีความโปร่งสบายมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันรุ่น 2022 ก็จะมีความคมชัดมากกว่าเดิม แต่อันนี้คือเทียบกันระหว่างเรือธงเก่าและใหม่นะครับ ถ้าไปเทียบกับหูฟังที่อยู่ในคลาสต่ำกว่าล่ะก็หาใครชนไม่ได้แน่นอน เสียงแหลมยังคงพอดี สวยงามเต็มไปด้วยรายละเอียด จะหาเสียงแหลมที่น่าฟังแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ถ้าไม่มากจากหูฟังระดับท็อปแบบนี้
การปรับจูนคาแรคเตอร์เสียงของ Utopia 2022 ทำให้รู้สึกว่ามันฟังง่ายขึ้น ฟังสนุกขึ้น แต่ยังคงคุณสมบัติที่ดีของหูฟัง Audiophile ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมิติ, ไดนามิค, รายละเอียด รวมถึงการบาลานซ์ทุกย่านความถี่อย่างลงตัวที่สุด
Conclusion
จะว่าไป FOCAL Utopia ก็เหมือนจะลดลักษณะของความเป็นหูฟัง Reference ลงนิดหน่อยและมีความเป็นหูฟัง Consumer มากขึ้นครับ ซึ่งคนที่จะเลือกได้ว่าอะไรดีที่สุดก็ต้องเป็นตัวคุณเองเท่านั้น แต่ผมเชื่อว่าถ้าได้มาลองเทสทั้งคู่แล้วจะตัดสินใจเลือกไม่ยากแน่นอนครับ เพราะสุดท้ายแล้วคุณก็จะได้หูฟังระดับโลกที่ตอบสนองการฟังเพลงได้เป็นอย่างดีเหมือนกับการนั่นฟังผ่านลำโพงที่บ้านแน่นอน
และไม่ต้องเสียดายไปนะครับถ้าลองแล้วคุณชอบรุ่นเก่ามากกว่า อันนี้มันแล้วแต่รสนิยมจริงๆ อาจจะเป็นข้อดีของคนที่ดันชอบคาแรคเตอร์เสียงรุ่นเก่าด้วยเพราะคุณจะประหยัดเงินไปร่วมสี่หมื่นบาทเลยทีเดียว