รีวิว FOCAL Utopia หูฟังตัวดาวค้างฟ้าของวงการ
หูฟังฟูลไซส์ตัวท็อปของ FOCAL ที่ต้องยอมรับเลยว่านี่คือหนึ่งในหูฟังที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดรุ่นนึงของวงการ ทั้งเสียงดี สวยงามและใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ครับ
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
วัสดุยอดเยี่ยม คุณภาพการผลิตที่สุดยอด | ราคา |
น้ำเสียงไร้ที่ติ ตอบสนองดีทุกย่าน | มีน้ำหนักกดที่กลางศีรษะเวลาสวมใส่ |
ซาวด์สเตจระดับเทพ เลิศทั้งมิติทั้งด้านกว้างและลึก |
ว่ากันตามตรงแล้วหูฟังระดับนี้ยังไงก็มีแต่ข้อดีมากกว่าข้อด้อยแน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของตัวหูฟังเอง, ความละเอียดในการผลิตหรือน้ำเสียงที่หูฟังถ่ายทอดออกมา ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับท็อปคลาสสมกับตำแหน่งหูฟังเรือธงของค่ายแน่นอน
และจากการทดลองใช้งานสารพัดรูปแบบต้องบอกเลยว่า Utopia เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ นอกจากจะเสียงดีสุดๆแล้ว เค้ายังใช้งานได้อย่างหลากหลายสถานการณ์มากๆ ถ้าคุณมีงบสำหรับหูฟังระดับสุดยอดได้เพียงตัวเดียว แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อหูฟังรุ่นไหนดี Utopia เป็นตัวเลือกที่คุณควรพิจาณาเป็นอย่างยิ่งครับ
Packaging and Accessories
แพคเกจของ Utopia อลังการไม่แพ้ตัวหูฟังอยู่แล้วครับ เปิดกล่องออกมานอกจากหูฟังเราก็จะพบกับเคสที่ลักษณะคล้ายๆซอฟท์เคสผสมฮาร์ดเคสซึ่งก็ดูแข็งแรงดี ภายในนอกจากจะรักษาตัวหูฟังได้แล้วก็ยังมีจุดยึดสายสัญญาณให้เก็บได้อย่างเรียบร้อยครับ
ส่วนของสายสัญญาณแค่จับดูก็รู้เลยว่าชิลด์หนาสุดๆ คล้ายกับสายสัญญาณสำหรับงานโปรออดิโอเลยล่ะ มีให้เลือกใช้ทั้งแบบ 4-pin XLR และ TRS ด้วยหัวแจ็คมาตรฐานโลกจาก Neutrik พร้อมทั้งมีอะแดปเตอร์ขนาด 3.5mm. มาให้พร้อมครับ
Build and Comfort
ส่วนของดีไซน์ต้องบอกว่าผมประทับใจตั้งแต่แรกเห็นครับ ออกแบบได้ลงตัวสวยงามภายใต้สีดำที่ดูดุดัน ถ้าสังเกตดูดีๆก็จะเห็นว่า Focal แอบหยอดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไว้ให้หูฟังดูลงตัวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ไฮไลท์สำคัญคงไม่พ้นก้านหูฟังที่ทำจาก คาร์บอนไฟเบอร์ ที่นอกจากความแข็งแรงทนทานของตัววัสดุเองแล้ว ลวดลายของมันก็ยิ่งเพิ่มความขลังให้กับ Utopia ได้ไม่น้อย
ด้านความรู้สึกยามที่สวมใส่ ต้องบอกว่ามีทั้งความรู้สึกชอบและไม่ชอบในเวลาเดียวกันครับ เอาที่ไม่ชอบก่อนละกัน เนื่องจากขนาดหูฟังที่ค่อนข้างใหญ่บวกกับน้ำหนักตัวอีกราวๆ 490 กรัม ทำให้เรารู้สึกถึงน้ำหนักของหูฟังได้อย่างชัดเจนในบริเวณที่เฮดแบนด์สัมผัสกับตรงกลางศีรษะของเรา
แต่ก็ต้องบอกว่าเวลาใช้งานจริงผมกลับฟังได้ยาวๆโดยที่ไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันที่มากเกินไปครับ เป็นความรู้สึกแว่บแรกที่ใช้งานมากกว่า อ๋อ! มีอีกนิดนึงคือตัวสายที่รู้สึกว่ามันจะเกะกะกระทบตัวผมมากไปหน่อย โดยเฉพาะบริเวณไหปลาร้าที่สายพาดผ่านพอดีเนื่องจากตัวสายที่เส้นหนาและมีน้ำหนักนั่นเองครับ
ส่วนที่ชอบก็คือสัมผัสของเฮดแบนด์และเอียร์แพดที่ทำจากหนังแกะเกรดพรีเมี่ยม บวกกับเมมโมรี่โฟมที่นุ่มสุดๆ ทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้ได้สัมผัสดีทีเยี่ยมและไม่อึดอัด ส่วนนึงน่าจะมาจากการที่ตัววัสดุสามารถระบายอากาศได้ดีเช่นกัน
แถมตัวหูฟังก็เป็นแบบ open-back ที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสุดๆ แน่นอนว่าไม่สามารถใช้งานในสถานที่ๆมีเสียงรบกวนใดๆได้เลย เพราะเสียงรอบข้างสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้แทบ 100% แต่นั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผมใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมงได้สบายๆโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดนั่นเองครับ
Sound Quality
Sound Stage
เอาล่ะครับมาถึงส่วนสำคัญของรีวิวชุดนี้แล้ว ผมขอเริ่มจากส่วนที่ประทับใจที่สุดก่อนเลยล่ะกันนั่นก็คือเรื่องของซาวด์สเตจครับ
เวทีเสียงของ Utopia คือความมหัศจรรย์ประจำรุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถทำได้ดีเยี่ยมทั้งสเตอริโออิมเมจซ้ายขวาที่กว้างขวาง ส่วนของด้านลึกก็สามารถสำแดงเลเยอร์แต่ละชั้นของเครื่องดนตรีต่างๆออกมาได้อย่างหมดจด ให้ความรู้สึกถึงเวทีเสียงที่โปร่งให้มิติที่ชัดเจน
แต่ที่เจ๋งก็คือซาวด์โดยรวมมันไม่กลวงหรือรู้สึกโหวงเหวงแต่อย่างใดครับ เครื่องดนตรีทั้งหมดยังทำงานได้อย่างกลมกลืนฟังดูหนักแน่นมีน้ำหนัก ซาวด์กระชับต่อเนื่องเพียงแต่ว่าเราสามารถได้ยินรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
Bass
ความประทับใจถัดมาก็คือการตอบสนองย่านความถี่ทั้งสามย่านหลักทำได้อย่างเพอร์เฟคมากๆ เริ่มกันที่เบสซึ่งอิ่มสุดๆและลงได้ลึกโดยที่ไม่มีอาการบวมเบลอใดๆทั้งสิ้น ใครที่ห่วงว่าหูฟังไฮไฟเบสจะไม่สาแก่ใจ รับรองว่า Utopia ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เพลงไหนมาพร้อมเบสลูกใหญ่พี่เค้าก็จัดให้ได้เต็มที่โดยที่ไม่ล้นไปรบกวนเพื่อนบ้านอย่างเสียงกลางเลยด้วย
นอกจากนั้นรายละเอียดของเบสยังดีระดับห้ากะโหลก ให้การกระแทกของเสียงที่ดี ถ้าใครเป็นมือเบสจะรู้สึกเลยว่า Ghost Note ที่มือเบสชอบเล่นกันจะได้ยินอย่างชัดเจนขึ้นมากผ่าน Utopia รวมถึงธรรมชาติของซับเบสที่มาจากคิกดรัมยังได้ยินชัดและเป็นธรรมชาติเหมือนเรากำลังฟังดนตรีสดๆเลยทีเดียว
Mid
ต่อกันกับ Mid หรือย่านเสียงกลาง เรื่องความชัดเจนใสสะอาดต้องยกให้เค้าเลย เป็นความคมชัดระดับ Full HD ที่มีความละมุนละม่อม ไม่ก้าวร้าวหรือมีสากเสี้ยนของเนื้อเสียงให้เรารำคาญหู เสียงร้องโดดเด่นเป็นดาวบนฟากฟ้า ยิ่งเป็นเสียงอะคูสติคกีตาร์ของ Tommy Emmanuel ผมสามารถได้ยินเสียงนิ้วเคาะหรือ Thumb Pick ที่ฟาดลงไปบนสายได้อย่างชัดเจนมากๆ
High
ปิดท้ายกันที่ High ตัวเสียงแหลมก็สวยงามลงตัว ระยิบระยับ ไม่คมจนผิดธรรมชาติ เป็นเสียงแหลมที่เราคุ้นเคยจากประสบการณ์ได้ยินหรือฟังเครื่องดนตรีสดๆซึ่งมันจะลงตัวพอดี ยกตัวอย่างเช่นเสียงไฮแฮทหรือฉาบที่ถูกมือกลองกระหน่ำฟาดลงไปจะได้น้ำหนักและความสว่างที่สวยกำลังเหมาะ โดยเราไม่รู้สึกว่ามันรุกเร้าจนน่ารำคาญครับ
ภาพรวมของ Utopia ต้องบอกว่านี่คือขุมพลังที่ไดรเวอร์ Pure Beryllium ขนาด 40mm. สำแดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ นอกจากมิติจะดี ตอบสนองเสียงต่างๆได้อย่างหมดจด Utopia ยังเหมาะสมกับแนวเพลงทุกสไตล์อีกด้วยครับ
ด้วยซาวด์โดยรวมที่อิ่ม มวลเสียงมีน้ำหนักดีและได้ไดรเวอร์ที่ตอบสนองว่องไวไม่มีเอื่อยเฉื่อย ความกระชับแบบนี้จึงทำให้ Utopia จับคู่ได้แม้แต่ซาวด์สังเคราะห์สุดตึ๊ดไปจนถึงเพลงเมทัลหนักกะโหลกแบบสบายๆ ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมสำหรับหูฟังไฮเอนด์แบบนี้ที่ไม่ได้มีดีแค่กับดนตรีสาย Audiophile เท่านั้น
ลืมบอกไปนิดนึงว่า Impedance ของ Utopia จะอยู่ที่ 80 โอห์ม ถือว่าเป็นค่าความต้านทานระดับกลางๆที่ไม่ได้ขับยากจนเกินไป ถึงการแมทช์กับแอมป์ดีๆซักตัวจะเวิร์คที่สุด แต่การใช้งานร่วมกับ DAP มาตราฐานก็ไม่ได้เป็นภาระที่หนักเกินกำลังภาคขยายครับ
More Than Music
ด้วยความซนผมจึงลองเอา Utopia ไปใช้งานประกอบการดูหนังผ่าน Netflix ด้วยซึ่งผลลัพธ์บอกเลยว่าแจ่มมากๆครับ อย่างที่สรุปไปว่าความสามารถของ Utopia เป็นหูฟังที่ All Around มากๆ แม้กระทั่งการใช้งานดูหนังก็พลอยเวิร์คตามไปด้วยครับ
ด้วยซาวด์สเตจที่ดีก็ส่งผลต่อมิติเสียงต่างๆในหนังที่ดีตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นตำแหน่งการแพนของ SFX รวมไปถึงรีเวิร์บที่ชัดเจนสมจริงมากๆ
อิมแพคต่างๆของเสียงก็อยู่ในขั้นดีเยี่ยม จากการทดลองกับหนังแอคชั่นอย่าง John Wick ต้องบอกว่าความมันส์ของ SFX อย่างเสียงกระแทกของหมัดหรือรถชนก็ทำได้อย่างสนุกสะใจจริงๆครับ
แอบทิ้งท้ายไว้ให้อีกนิดนึงว่าด้วยการที่ผมมีอาชีพการงานที่เกี่ยวกับการมิกซ์เสียงด้วย จึงทำให้อดไม่ได้ที่จะลองเอาเจ้า Utopia ไปใช้ฟังเช็คงานที่ทำอยู่ ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นหูฟังที่ผมสามารถเอาไปประยุกต์ใช้งานเป็นหูฟังมอนิเตอร์ได้ในระดับนึงเลยล่ะ
ถามว่าทำไมมันถึงเอาใช้ทำงานได้ นั่นก็เพราะว่า Utopia ไม่คัลเลอร์หรือปรุงแต่งความถี่ต่างๆเหมือนกับที่หูฟังสำหรับงานฟังเพลงส่วนใหญ่เป็น จากการเทียบแบบ A/B เทสกับหูฟังมอนิเตอร์อย่างเช่น AKG หรือ Beyerdynamic การตอบสนองย่านเสียงต่างๆทำได้ดีเทียบเท่าครับ อาจจะมีเรื่องของซาวด์สเตจที่ต้องอาศัยการปรับตัวอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าถ้าเคยชินล่ะก็ใช้ทำงานด้วยได้สบายมากครับ
Conclusion
อย่าพึ่งรู้สึกว่าผมอวยเจ้าหูฟังเรือธงตัวนี้มากเกินไป เพราะผมพยายามจับผิดเค้าอยู่เป็นเวลานานแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่า Utopia นั้นยอดเยี่ยมในทุกด้านจริงๆไม่ว่าจะเป็นโทนเสียง ไดนามิคและมิติ สมแล้วกับตำแหน่งที่เป็นเพชรยอดมงกุฎประจำค่าย
ถ้าเกิดมีเหตุการณ์สมมติที่ผมต้องเลือกหูฟังไว้ใช้งานได้เพียงตัวเดียวในโลก หูฟังที่ทำได้ทั้งดูหนังฟังเพลงไปจนถึงใช้ประกอบอาชีพอย่าง FOCAL Utopia คงเป็นตัวเลือกที่ผมไม่ปฎิเสธแน่นอนครับ