รีวิว iFi AUDIO GO pod สุดยอดบลูทูธโมดูลสำหรับ IEM

ถึงจะเป็น Bluetooth Module ตัวแรกของ iFi Audio แต่มาตราฐานของค่ายนี้ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง จากที่ได้ทดลองใช้งานไปขอจั่วหัวรีวิวไว้ก่อนเลยว่าประทับใจครับ ใครที่มีหูฟัง in-ear monitor อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปหาหูฟัง True Wireless เพิ่มอีกคู่ก็ได้ เพราะ iFi Audio GO pod ให้คุณภาพเสียงดีจนเป็นที่น่าพอใจมากๆ

GO pod : Wearable HD Bluetooth DAC-Amp

PROS จุดเด่น	CONS จุดด้อย
เสียงดีมาก ใช้ทดแทนสายสัญญาณได้	ค่อนข้างใส่ยาก ต้องใช้ความเคยชินสักพัก
รองรับ LDAC และ LHDC	ใส่นานๆอาจจะเจ็บหลังใบหูบ้างเพราะโดนตัวโมดูล
ชาร์จเคสรองรับ Wireless Charge	ชาร์จเคสใหญ่ไปหน่อย

Packaging and Accessories

การออกแบบแพคเกจสไตล์ iFi Audio ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมายครับ แฟนๆของ iFi น่าจะคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะโทนสีและดีไซน์ผลิตภัณฑ์ของค่ายแทบทุกรุ่นค่อนข้างไปในโทนเดียวกัน

แกะกล่องออกมาก็จะเจอบรรดาคู่มือและใบรับประกัน พร้อมแถมสติกเกอร์ iFi ให้ด้วยหนึ่งแผ่น คู่มือเรียบง่ายมากเพราะตัว GO pod เองก็ใช้งานไม่ได้ซับซ้อน ผลิกดูคู่มือทีเดียวก็เข้าใจวิธีควบคุมได้หมดครับ

ถัดมาก็จะเป็นตัวชาร์จเคสที่มี GO pod สถิตย์อยู่ด้านใน ตัวชาร์จเคสค่อนข้างใหญ่มาก ประมาณหนึ่งฝ่ามือได้เลย ถ้าใครใช้หูฟัง TWS อยู่จะรู้สึกเลยว่าเคสตัวนี้พกลำบากกว่าเดิม ไม่ได้เล็กกระทัดรัดเหมือนชาร์จเคสทั่วไป เข้าใจว่า iFi คงทำมาเผื่อหูฟังขนาดใหญ่ แต่ส่วนตัวผมก็ว่าให้เผื่อไปหน่อย ถ้าสังเกตุจากในรูปที่ผมใช้งานร่วมกับหูฟังของ FiiO อยู่จะมีพื้นที่ในกล่องเหลือเพียบเลย จริงๆทำกล่องเล็กกว่านี้อีกซัก 5 เซนติเมตรยังเหลือๆเลยครับ

แต่ก็ต้องขอชมชาร์จเคสเค้าในเรื่องความสวยงาม มีรายละเอียดที่ไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ด้านข้างด้วย และที่น่าสนใจคือเวลาเปิดฝาเคสออกมามีไฟ LED สีขาวให้เรามองเห็นหูฟังและตัว GO pod ได้ชัดๆ เหมาะมากเวลาหยิบใช้งานในห้องมืดๆสลัวๆ

ตัวเคสนอกจากจะชาร์จผ่านสาย USB-C แล้วก็ยังรองรับมาตราฐาน QI ชาร์จแบบไร้สายได้เลย ก็ช่วยให้สะดวกดีครับ และด้วยแบตเตอรี่ขนาด 1500 mAh ทำให้ชาร์จเต็มทีนึงก็ใช้งานได้ยาวเลย ตามสเปคระบุว่าใช้งานได้ถึง 35 ชั่วโมงแน่ะ

ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือก็จะเป็นสาย USB-C และขั้วต่อแบบ 2-pin อีกหนึ่งชุด (อันที่ติดอยู่กับตัว GO pod เป็นขั้ว MMCX) เป็นสองขั้วมาตราฐานที่หูฟัง IEM ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ใช้กันอยู่ครับ

Build and Comfort

มาดูที่ตัว GO pod กันบ้าง GO pod จะมี 2 ส่วนประกอบหลักด้วยกันคือขั้วต่อที่เราใช้ต่อกับขั้วหูฟัง และตัวโมดูลที่เป็นตัวส่งสัญญาณและตัวควบคุมการทำงานที่รองรับระบบสัมผัสทั้งสองฝั่ง

วัสดุและงานประกอบถือว่าดีตามมาตราฐาน ไม่ได้ว้าวอะไรมากมายครับ แต่สิ่งที่ผมติดนิดหน่อยคือเวลาเราประกอบร่างโมดูลและขั้วต่อกับหูฟังเข้าด้วยกันเรียบร้อย เวลาจะใส่มันค่อนข้างยากนิดนึงเพราะตัวก้านหูฟังมันค่อนข้างแข็ง ถ้าจะใส่ให้ง่ายผมต้องใช้สองมือช่วยประคอง ไม่ได้ใส่ง่ายเหมือนหูฟัง TWS ปกติที่ใช้มือเดียวก็ใส่ได้แล้ว

ส่วนเวลาใส่ถ้าใช้งานต่อเนื่องนานๆอาจจะรู้สึกเจ็บที่หลังใบหูครับ เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับตัวโมดูลตลอดเวลา เนื่องจากก้านหูฟังค่อนข้างแข็งด้วยถึงจะทำให้ใส่แล้วกระชับแน่นหนาดี แต่ข้อเสียก็คือทำให้โมดูลมันเบียดกับหูเรามากไปหน่อยครับ

ตัวโมดูลเองได้รับมาตราฐานความทนทานระดับ IPX5 ด้วยจัดว่าอึดใช้ได้ ถ้าจะเอาไปใช้ร่วมกับการออกกำลังก็อย่าลืมดูว่าหูฟังเราได้มาตราฐาน IPX ด้วยรึเปล่านะครับ

Features

วิธีการใช้งาน GO pod ง่ายมากครับ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย แค่แกะออกมาจากเคสแล้วรวมร่างขั้วต่อกับหูฟังให้เรียบร้อย แล้วแตะที่ทัชคอนโทรลทั้งสองฝั่งค้างไว้ 2 วินาที ระบบก็จะพร้อม Pairing ทันที

ระบบทัชคอนโทรลจะควบคุมได้จากโมดูลทั้งสองฝั่ง รองรับการเล่นเพลงพื้นฐานได้หมดอย่างการเล่น, หยุด, ข้ามเพลงก่อนหลัง ถ้าเป็นการควบคุมระดับเสียงให้แตะโมดูลฝั่งขวาค้างไว้เพื่อเพิ่มเสียง ส่วนถ้าจะลดเสียงก็แตะที่โมดูลฝั่งซ้ายค้างไว้ครับ

ตัวโมดูลติดตั้งไมค์โครโฟนมาให้ด้วย ใช้คุยโทรศัพท์ได้เลย เท่าที่ลองใช้งานก็ชัดเจนแจ่มแจ๋วไม่มีปัญหาอะไรครับ

จริงๆที่ตัวโมดูลเค้าจะมีไฟ LED แสดงสถานะการเชื่อมต่อหรือการชาร์จให้ดูด้วย แต่เวลาใส่เราก็มองไม่เห็นอยู่ดีครับ จะไว้สังเกตุก็ตอนก่อนใส่หูฟังเท่านั้นแหละ

Sound Quality

ทาง iFi Audio เองไม่ได้เรียก GO pod ว่าเป็นบลูทูธโมดูลหรอกนะครับ แต่ตามที่โฆษณาเค้าบอกไว้ว่ามันคือ DAC-Amp ที่สามารถสวมใส่ได้ จุดเด่นของเค้าคือการออกแบบระบบแต่ละส่วนอย่างภาค DAC และ Amp แยกออกจากกันประหนึ่งว่าเป็นระบบ Discrete แบบที่ใช้บน Desktop DAC-Amp นั่นเลย ต่างจากหูฟัง TWS ปกติที่จะเป็นแบบ SoC (System on a Chip) ที่ทุกส่วนประกอบควบคุมโดยชิปตัวเดียวเลย

ผลก็คือมันทำให้ GO pod มีคุณภาพเสียงที่ดีมาก ยิ่งบวกกับระบบ Bluetooth 5.2 ที่รองรับ codec อย่าง LDAC และ LHDC ด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ขนาดในการเทสผมใช้งานกับ iOS ที่วิ่งแค่ codec AAC เท่านั้นก็ว่าเสียงดีมากแล้ว อุปกรณ์ใครรองรับ codec Hi-Res ด้วยรับประกันว่าฟิน

กำลังขับที่ให้มาจะอยู่ที่ 4V สำหรับโหลดอิมพีแดนซ์สูง 300 ohm ขับหูฟัง IEM ได้แบบเหลือเฟือ ปรับระดับเสียงมาแค่ครึ่งทางก็ดังลั่นแล้วครับสำหรับหูฟังส่วนใหญ่

แน่นอนว่าคุณภาพเสียงส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับหูฟังที่เราใช้ด้วย ผมเลยทดสอบฟัง GO pod สลับไปมากับการใช้สายสัญญาณของหูฟัง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ประทับใจมากเลยทีเดียว

Sound Stage

สามารถรักษาลักษณะของเวทีเสียงเอาไว้สมบูรณ์ครับ ตอนใช้สายเวทีใหญ่เล็กเท่าไหร่ มาผ่าน GO pod ก็ได้คาแรคเตอร์เดิมเลย ให้รายละเอียดของเครื่องดนตรีแต่ละเลเยอร์ได้ชัดเจน รวมถึงสเตอริโออิมเมจที่ชัดเจน ไม่มีข้อติครับสำหรับหมวดนี้

Bass

GO pod ยังคงเก็บน้ำหนัก ปริมาณและรายละเอียดของเบสได้ดีเช่นกัน ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าการจะหาซื้อ GO pod มาใช้คุณต้องมีหูฟัง IEM ที่คุณถูกใจซะก่อน แล้วการเปลี่ยนมาใช้ GO pod แค่ทำให้คุณเปลี่ยนสภาพหูฟัง IEM เดิมให้เป็น TWS เท่านั้นเอง ถ้าหูฟัง IEM คู่ใจของคุณฟังเบสได้สนุก แรงปะทะดีอยู่แล้ว GO pod ก็ยังให้อารมณ์เดิมได้ทุกประการ

Mid – High

อาจจะรู้สึกได้เล็กน้อยถึงความคมของย่านกลางแหลมและปลายเสียงแหลมแต่ก็ไม่มากครับ ถ้าไม่เพ่งฟังก็จับผิดยาก ด้วยสายที่มากับ FiiO FD5 เป็นสายเงินด้วยซึ่งจะตอบสนองกับ Mid และ High Frequency ได้ดีมาก แต่ผมคิดว่าถ้าองค์ประกอบของสายหูฟังเดิมที่คุณใช้เป็นแบบอื่น หรือว่าคุณใช้งานกับ codec Hi-Res อย่าง LDAC ก็จะแยกความแตกต่างได้อยากขึ้นครับ

แต่ให้สรุปโดยรวมเลยต้องบอกว่าไม่เกินเลยที่ iFi เรียก GO pod ว่าเป็น “Wearable HD Bluetooth DAC-Amp” เพราะคุณภาพเสียงมันเทียบได้กับ DAC พกพาเลยทีเดียว เสียงที่ได้ฟังนั้นดีมากๆจนแทบลืมไปเลยว่าใช้หูฟังแบบไร้สายอยู่

---

Conclusion

ค่าตัวของ iFi Audio GO pod ค่อนข้างจะสูงซักหน่อย แต่ถ้าคิดว่าซื้อ Bluetooth DAC-Amp พกพาซักตัวก็สมน้ำสมเนื้ออยู่ครับ GO pod ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่มีหูฟัง IEM ระดับกลางๆขึ้นไป เพราะหูฟังที่มีประสิทธิภาพดีเป็นทุนเดิม พอมาใช้งานร่วมกับ GO pod ก็เหมือนติดปีกให้ใช้งานสะดวกไม่ต้องรำคาญสายพะรุงพะรัง สามารถพกพาหูฟังเราไปฟังได้สะดวกกว่าเดิมโดยที่คุณภาพเสียงแทบไม่ต่างจากการใช้สายสัญญาณครับ