รีวิว Matrix Audio Mini-i Pro 4 ครบเครื่องสไตล์ All-in One Streamer
เยสสสส รอมาตั้งนานกว่าจะมาถึงมือ ในที่สุดก็ได้โอกาสทดสอบ Matrix Audio : Mini-i Pro 4 ซะที เรียกว่าเป็น Streamer แบบ All-in One ที่ฮอตมากๆ เพราะไปหมุนอยู่กับนักรีวิวมาท่านอื่นมานานเลยกว่าจะถึงตาผม ฮ่าๆ งานนี้ต้องขอลองให้หนำใจก่อนมาเล่าให้ทุกท่านฟังซะหน่อยครับ
Matrix Audio Mini-i Pro 4 : Music Streamer
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
เป็นทั้ง Streamer, DAC และ Amp ในตัวเดียว | ควบคุมการเล่นเพลงที่ตัวเครื่องไม่ได้ ต้องใช้แอพหรือรีโมทช่วย |
คุณภาพเสียงอยู่ในมาตราฐานที่ดี | บอดี้ส่วนที่เป็นพลาสติคทำให้ไม่ดูไฮเอนด์เท่าที่ควร |
การเชื่อมต่อยืดหยุ่นหลากหลาย | ไม่มี Digital Output |
Packaging and Accessories
ผมชอบการออกแบบแพคเกจของ Mini-i Pro 4 นะ ดูเรียบง่ายมินิมอล และด้วยการใช้โทนสีขาวแบบนี้ทำให้นึกว่าซื้อผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลมาใช้อยู่ก็ไม่ปาน การแพคตัวเครื่องมาภายในก็แน่นหนาแข็งแรงไม่มีปัญหา แต่ว่าอุปกรณ์ที่แถมมาให้ถือว่าค่อนข้างน้อยครับ
เปิดกล่องมาเราจะเจอแผ่น warranty card, คู่มือการใช้งานแบบ Quick Start Guide และแผ่น Redeem Key ให้เราขูดเอารหัสไปแลกการใช้งาน Roon ได้ฟรีๆ 60 วัน ซึ่งอันนี้ถือว่าแจ่ม
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่แถมมาจะมีแค่สายเพาเวอร์และรีโมทคอนโทรลเท่านั้น ตัวรีโมทออกแบบมาได้สวยงามเช่นเดียวกับตัวเครื่องครับ สัมผัสของปุ่มต่างๆก็แน่นหนาแข็งแรงดีทีเดียว ตัวรีโมทค่อนข้างบางครับ แบตเตอรี่จะเป็นแบบถ่านกระดุม
Design & Build Quality
งานออกแบบตัวเครื่องก็จัดว่าสวยงามครับ เป็นการผสมระหว่างวัสดุสองชนิดด้านบนและด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว ขัดผิวมาเนียนกริ๊บ สัมผัสดีเวลาลูบไล้ ส่วนบอดี้หลักด้านข้างและด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นแชสซีพลาสติคอีกชิ้นนำมาประกับกัน
ในแง่การออกแบบผมชอบดีไซน์ของเค้านะ ที่ผสมทั้งความเหลี่ยมและริ้วคลื่นที่ด้านข้างตัวเครื่อง แต่อยากให้บอดี้เป็นโลหะไปทั้งชิ้นเลยมากกว่า ถึงจะออกแบบมาดียังไงวัสดุที่เป็นพลาสติคมันจะทำให้รู้สึกว่าดูไม่แพงเท่าที่ควร
- Front
ด้านหน้าตัวเครื่องไม่มีอะไรมากนอกจากหน้าจอทัชกสรีนขนาด 3.46 และเฮดโฟนเอาท์พุตขนาด 6.35mm และ 4.4mm. โน้ตไว้นิดนึงปุ่มเพาเวอร์จะอยู่ที่ด้านบนมุมซ้ายของตัวเครื่องครับ
- Back
ศูนย์รวมพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ไล่กันจากซ้ายไปขวานะครับ
– Power Connector
– LAN
– Digital Input : USB-C / USB Audio / HDMI ARC / Optical / Coaxial
– Analog Input : RCA
– Analog Output : RCA / XLR
แค่ดูที่ภาค I/O ต่างๆก็บอกได้เลยว่าทำไมถึงเรียก Mini-i Pro 4 ว่าเป็น All-in One Streamer เพราะนอกจากฟังค์ชั่นการสตรีมที่เราจะทดสอบกัน ตัวเครื่องยังฟังเพลงได้โดยตรงผ่านหูฟังและลำโพง, ใช้งานเป็น DAC-Amp ก็ได้ หรือจะส่งสัญญาณอะนาลอคจากข้างนอกมาใช้ภาคปรีแอมป์ที่ตัวเครื่องก็ยังได้ครับ
Features
ลูกเล่นต่างๆของ Mini-i Pro 4 ก็ถือว่าเยอะเอาเรื่องครับ เดี๋ยวจะพยายามไล่ไปที่ละส่วนให้ครบทุกจุดแน่นอน
- Touch Screen
หน้าจอทัชสกรีนขนาด 3.46 นิ้ว เรียกได้ว่าไม่ใหญ่ไม่เล็กครับ อาจจะไม่ได้เห็นปกอัลบั้มใหญ่กระแทกตา แต่ก็ถือว่าชัดเจนพอที่จะเห็นรายละเอียดการทำงานและควบคุมการใช้งานได้ไม่ยากเกินไป
ผมติดระบบของหน้าจอทัชสกรีนอยู่จุดนึงตรงที่ว่าเราไม่สามารถควบคุมการเล่นเพลงผ่านหน้าจอได้ ทำได้แค่เข้าไปปรับเมนู, เลือก input / output และปรับระดับเสียง แต่ถ้าคุณจะหยุดเพลง, เล่นเพลงหรือข้ามเพลงคุณต้องพึ่งพารีโมทหรือไม่ก็ใช้แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์เท่านั้น ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
ที่หน้าจอเราจะควบคุมระดับเสียงได้โดยการแตะไปบริเวณที่ว่างด้านขวา แล้วปุ่มโวลลุ่มถึงจะสว่างขึ้นมา ถ้าต้องการเข้าถึงเมนูตั้งค่าต่างๆให้สไลด์นิ้วจากขวาไปซ้ายของหน้าจอครับ
- I/O
อินพุตและเอาท์พุตถือว่าครบเลยล่ะครับ ดูจากภาคอินพุตเราสามารถแบ่งการใช้งาน Mini-i Pro 4 ได้เป็นสามรูปแบบหลักๆได้แก่
– ใช้ Wi-Fi และ LAN เพื่อทำงานเป็นสตรีมเมอร์เต็มรูปแบบ
– ใช้ดิจิตอลอินพุตต่างๆเพื่อฟังเพลงจากคอมพิวเตอร์, ทีวี, Storage หรือ Music Player ได้ทุกประเภท โดยใช้ Mini-i Pro 4 ทำหน้าที่เป็น DAC นั่นเอง
– ใช้อะนาลอคอินพุตฟังเพลงจากเทิร์นเทเบิลหรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มีมีอะนาลอคเอาท์พุตเพื่อมาใช้ภาค Pre Amp ของ Mini-i Pro 4
ส่วนเอาท์พุตจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ Line output สำหรับส่งสัญญาณไปยังลำโพงและแอมป์ภายนอก อีกส่วนก็คือเฮดโฟนเอาท์พุตครับ
- Headphone Output
การมีช่องเฮดโฟนเอาท์แบบนี้ทำให้ Mini-i Pro 4 ครบเครื่องอย่างที่บอกครับ รองรับเอาท์พุตแบบ 6.35mm และ 4.4mm Balanced คุณภาพเสียงก็อยู่ในเกณฑ์ดีเลย เจอหูฟังฟูลไซส์ระดับ 300-600 โอห์มก็ยังไหว
- Filters
Mini-i Pro 4 มีดิจิตอลฟิลเตอร์ให้เลือกใช้ได้ 8 รูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเทสเสียงจาก default filter เป็นหลัก แต่ถ้าใครชอบทดลองก็สามารถเลือกเปลี่ยนฟิลเตอร์ต่างๆตามสไตล์เพลงที่ฟังได้ครับ
- MA Remote App
เป็นแอพพลิเคชั่นที่จำเป็นในการเซ็ทอัพและใช้งาน Mini-i Pro 4 เราสามารถเข้าถึงคลังเพลงต่างๆไม่ว่าจะเป็น Storage ทั้งส่วนของ Network และ Local ได้จากแอพตัวนี้ รวมถึงการฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งแพลทฟอร์มต่างๆ รวมถึงอินเตอร์เน็ทเรดิโอก็ต้องใช้แอพนี้เช่นกัน
การใช้งานแอพถือว่าง่าย ไม่ซับซ้อนครับ การเริ่มต้นเซ็ทอัพตัวเครื่องเพื่อเข้าระบบเน็ทเวิร์คก็ง่ายมาก แทบไม่ต้องดูคู่มือเลยยังได้ถ้าคุณเคยผ่านการใช้งานสตรีมเมอร์มาบ้าง
การตั้งค่าต่างๆของตัวเครื่องทำได้เยอะพอสมควร แต่ที่ผมชอบคือเราสามารถเลือก shortcut menu ที่เราใช้บ่อยๆอย่างเช่นการเลือกเอาท์พุตมาไว้ที่หน้าจอเครื่องได้ เวลาที่เราอยากจะใช้ short cut ก็ให้สไลด์หน้าจอจากซ้ายไปขวาเท่านั้นแล้ว short cut menu ก็จะโผล่มาให้เลือกครับ
- Streamer
Mini-i Pro 4 จะมีสตรีมมิ่งแพลทฟอร์มให้เลือกใช้งานจากตัวแอพ MA Remote ได้หลักๆ 3 เจ้าคือ TIDAL, Qobuz และ HIGHRESAUDIO (จริงๆมีอีกอันแต่เป็นแพลทฟอร์มของทางจีนเค้า)
ซึ่งผมได้ทดลองเฉพาะ Tidal ที่ตัวเองมีแอคเคานท์อยู่เท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าตัว interface ของ TIDAL บน MA Remote นั้นใช้งานไม่สะดวกเท่าไหร่เลย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเราสามารถใช้แอพ TIDAL โดยตรงแล้วเปิดใช้งาน TIDAL connect แทนแค่นี้ก็สตรีมได้แบบไร้ปัญหา เช่นเดียวกับ Spotify ซึ่งที่ตัว MA Remote จะไม่มีให้เลือกแต่เราก็สามารถใช้งาน Spotify connect แทนได้
นอกจากสตรีมมิ่งแอพต่างๆ Mini-i Pro 4 ก็ยังมี internet radio ให้ฟังเพลงได้ด้วย มีสถานีจากทั่วโลกให้เลือกเพียบ แต่ก็ต้องไปลองไล่จิ้มกันดูเพราะบางสถานีมีชื่ออยู่แต่กดเข้าไปฟังไม่ได้ก็มี
- Storage
เราสามารถเอา HDD หรือว่า Flash Drive มาเสียบฟังเพลงที่ตัวเครื่องได้โดยตรงครับ รองรับฟอร์แมทต่างๆครบทั้ง FAT, FAT32, exFAT และ NTFS
แต่ระบบก็ยังรองรับการเข้าถึง Network Stroage ด้วย DLNA/UPnP หรือจะใช้ AirPlay ก็ได้ครับ
Testing Testing
อยากเล่าให้ฟังถึงตอนที่ผมทดสอบใช้งาน Matrix Audio Mini-i Pro 4 จริงๆทุกท่านจะได้เห็นภาพรวมของตัวเครื่องได้ง่ายๆครับ
การแกะกล่องมาเซ็ทอัพทำได้สบายครับ เมื่อเชื่อมต่อสายต่างๆครบ ให้ติดตั้งแอพ MA Remote ให้เรียบร้อย พอเปิดเครื่องก็ทำตามขั้นตอนในแอพได้เลย อันนี้ไม่ต้องเปิดคู่มือเลยก็ยังได้ เช่นเดียวกับสตรีมเมอร์หลายๆรุ่น ถ้าเลือกได้แนะนำให้เชื่อมต่อผ่านระบบ LAN จะเซ็ทอัพง่ายกว่า Wi-Fi และแน่นอนว่าความเร็วสูงกว่าด้วย
หลักๆแล้วผมส่งสัญญาณไปฟังยังชุดลำโพงโดยตรง ถ้าเราตั้งค่าเอาท์พุตเป็นแบบ Auto เวลาที่เราเสียบหูฟังระบบจะย้ายเอาท์พุตให้อัตโนมัติ คุณภาพเสียงที่ได้จากระบบ DAC ในตัวที่เป็น ES9039Q2M จาก ESS Sabre ผมให้อยู่ในเกณฑ์ดีเลยล่ะ พูดได้เต็มปากเพราะว่าตอนที่เทสเสียงก็สลับฟังกับ DAC/Amp อีกรุ่นที่ค่าตัวสูงกว่าราว 3-4 เท่า เสียงของ Mini-i Pro 4 ไม่ขี้เหร่เลย รายละเอียด, ซาวด์เสตจ, Frequency Response เรียกว่าดีมาก ถ้าไม่ A/B เทสสลับไปมาทันทีก็จับผิดได้ยาก ถ้าจะต้องจับผิดเมื่อเจอกับ DAC ระดับเรือธงจริงๆก็คงจะเป็นเรื่อง Background และความสมูธของเสียงนิดหน่อยเท่านั้นครับ
แต่ข้อเสียของ Mini-i Pro 4 ก็คือดันไม่มี Digital Output ดังนั้นถ้าคุณอยากจะอัพเกรดเสียงด้วยการส่งข้อมูลไปยัง DAC ตัวอื่นก็จะทำไม่ได้ ต้องพึ่ง DAC ในตัวเท่านั้น
การทดสอบโดยใช้ Mini-i Pro 4 เป็น USB DAC ก็ใช้งานได้ง่ายดาย ในกรณีที่คุณใช้ MAC OS ก็สามารถใช้งานได้ทันทีแบบเสียบปุ๊บพร้อมฟังปั๊บ แต่ใครที่ใช้ Windows ก็ต้องลงไดรเวอร์กันซะก่อน
ส่วนมากผมทดลองฟังเพลงในโหมดสตรีมมิ่งมากกว่า ซึ่งก็ไม่ได้มีข้อขัดข้องใดๆ การใช้งานราบลื่นไม่มีปัญหา ถ้าจะมีติดก็เรื่องเดียวที่บอกไปคือ User Interface ของ TIDAL บน MA Remote ใช้ยากไปหน่อย ใช้งานกับแอพ TIDAL โดยตรงแล้วลิงค์กันด้วย TIDAL connect จะสะดวกกว่าเยอะ ที่พูดแบบนี้เพราะว่าสองเดือนก่อนผมพึ่งได้ลองสตรีมเมอร์ EVERSOLO ไปแล้วไม่ได้รู้สึกติดขัดการใช้งานแอพของเค้าเหมือนกับของ Matrix นั่นเองครับ
Conclusion
ด้วยค่าตัวที่จับต้องไม่ยาก ฟังค์ชั่นที่ครบเครื่อง ใครที่มองสตรีมเมอร์ตัวแรกในชีวิตกันอยู่ผมก็ค่อนข้างเชียร์เจ้า Matrix Audio Mini-i Pro 4 ครับ ซื้อมาตัวเดียวจบพร้อมใช้งานทันที ไม่ว่าคุณจะฟังเพลงด้วยหูฟังหรือลำโพงก็ตาม และแม้จะไม่มีคอมพิวเตอร์ก็ฟังเพลงด้วยตัวเองได้เลย เป็นมิตรสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการความซับซ้อน คุณภาพเสียงก็ดีเกินพอ ตอบโจทย์ Hi-Res Audio ได้สมบูรณ์แบบ
ยกเว้นคนที่ซื้อเผื่ออนาคตว่าอยากจะอัพเกรดระบบ อย่างเช่นเอา External DAC ตัวอื่นมาเสริมเพื่อเพิ่มคุณภาพเสียง อันนี้หมดสิทธิ์เพราะ Mini-i Pro 4 ไม่มีภาค Digital Output มาให้ ถ้าจะอัพเกรดก็ต้องเปลี่ยนสตรีมเมอร์ไปเลย อันนี้ก็ต้องมาดูที่ลักษณะการใช้งานของเราก่อนตัดสินใจครับผม
แต่ถ้ามองในแง่ All-in One Streamer ครบเครื่องราคาน่าคบที่สุดในชั่วโมงนี้ก็หาใครมาแข่งกับ Matrix Audio Mini-i Pro 4 ได้อยากล่ะครับ