รีวิว SoundPEATS Opera 03 VS Opera 05 VS Engine4
SoundPEATS มาคราวนี้เปรียบเทียบให้ดูทีเดียว 3 รุ่นกันไปเลย ใครเล็งๆเอาไว้และยังตัดสินใจไม่ได้ด้วยความที่ใกล้เคียงกันทั้งหน้าตาและราคา ทำให้ฟันธงได้ยาก งานนี้เลิกปวดหมองได้ครับ เพราะเราทาบสเปคให้ดูกันหมัดต่อหมัด อ่านจบกดสั่งได้ทันทีแน่นอนคร้าบ
SoundPEATS TWS Compare
Opera 03 | Opera 05 | Engine 4 | |
Driver | Hybrid Drivers | Hybrid Drivers with Dual BA | Dual Dynamic Drivers |
ANC | Yes | Yes | No |
Bluetooth | BT 5.3 with LDAC | BT 5.3 with LDAC | BT 5.3 with LDAC |
Game Mode | No | No | Yes |
Adaptive EQ mode | Yes | Yes | Yes |
IPX | IPX4 | IPX4 | IPX4 |
Packaging and Accessories
แพคเกจของทั้งสามหน่อออกแบบสวยและดูดีเลยทีเดียวครับ ขนาดของกล่องแทบจะเท่ากันเป๊ะๆ ถ้าเป็นรุ่น Opera 03 กับ 05 นี่แทบแยกไม่ออกว่ากล่องไหนเป็นกล่องไหน ต้องสังเกตุชื่อรุ่นที่หน้าปกดีๆ แล้วพี่แกก็ดันทำสีชื่อรุ่นกลืนไปกับพรีเซนเตอร์ซะด้วย ฮ่าๆ ส่วนของ Engine 4 ไม่ต้องห่วงเพราะดำดุดัน ดูได้ชัดเจนกว่าสองรุ่นก่อนหน้า
อุปกรณ์ที่ให้มาก็เหมือนกันทั้งสามรุ่นครับ คือนอกจากตัวชาร์จเคส ตัวหูฟัง ด้านในกล่องก็จะมีสาย USB type C สำหรับชาร์จมาให้ และก็มีจุกยางหูฟังให้อีก 2 คู่ รวมกับที่ติดตั้งอยู่ที่หูฟังแล้วเราก็จะมีจุกยางมา 3 คู่ 3 ขนาดด้วยกัน
Build and Comfort
ถอดเคสออกจากกล่องมาดูกันทั้งสามรุ่นก่อนนะครับ สำหรับวัสดุดูดีเสมอภาคกันทั้งหมด เป็นเคสทรงมนพร้อมพอร์ตชาร์จ USB-C วัสดุทำจากพลาสติคที่ดูดีสมราคา แต่แปลกที่ผมรู้สึกว่ารุ่นที่ราคาถูกสุดอย่าง Engine 4 ตัวฝาปิดเคสดูเฟิร์มแข็งแรงกว่า Opera ทั้งสองรุ่นแฮะ
ขนาดเคสของ Engine 4 ก็จะเล็กกว่าเพื่อน เป็นเพราะขนาดของตัวหูฟังที่เล็กกว่าด้วย สำหรับ Opera 03 และ 05 เคสก็ไม่ได้ใหญ่โตจนรู้สึกว่าพกลำบากครับ ทั้งสามรุ่นจะมีปุ่ม reset อยู่ที่ตัวเคสด้วย ใช้สำหรับ restore ค่าการทำงานกลับไปเป็น default จากโรงงานครับ
เปิดออกมาดูตัวหูฟังกันต่อ สำหรับ Opera 03 และ 05 นั้นหน้าตาเหมือนกันแบบทุกระเบียดนิ้ว ยกเว้นที่สีของ faceplate ที่ต่างกันนิดเดียวเท่านั้น แต่ว่า Engine 4 จะตัวเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนในเรื่องวัสดุและความสวยงามของหูฟังผมให้เท่ากันหมดครับ ใครชอบสไตล์คมเข้มน่าจะชอบสีดำและลวดลายคล้ายเคฟล่าห์ของ Engine 4 แต่ถ้าเป็นสไตล์หรูหราขึ้นมาหน่อยก็ต้องเป็นคู่ของ Opera แน่นอน
ในด้านการสวมใส่ส่วนตัวผมชอบ Engine 4 มากกว่า Opera ทั้งสองรุ่น ด้วยขนาดที่เล็กกว่าก็เลยทำให้ใส่สบายกว่าด้วย อันที่จริง Opera ก็ไม่ได้ถึงกับอึดอัดอะไรและใส่ได้กระชับแน่นหนาดีครับ แต่ถ้าใส่ต่อเนื่องนานๆ Opera จะแสดงอาการเจ็บหูให้เห็นไวกว่า
ทั้งสามรุ่นได้รับมาตราฐานความทนทานระดับ IPX4 เท่ากันหมดครับ เหมาะทั้งใช้งานทั่วไปและออกกำลัง
Features
มาดูฟีเจอร์ของทั้ง 3 รุ่นเทียบกันเป็นข้อๆไปครับผม
- Application Support
ทั้งสามรุ่นสามารถใช้งานร่วมกับแอพ SOUNDPEATS ได้ครับ ซึ่งจะทำให้เราดูสถานะแบตเตอรี่ของหูฟังได้อย่างชัดเจน รวมถึงการเปิดใช้งานฟังค์ชั่นเฉพาะบางอย่างด้วย
- Adaptive EQ
ทุกรุ่นจะมีฟังค์ชั่น Adaptive EQ มาให้ด้วยครับ โดยการใช้งานครั้งแรกระบบจะให้เราทดสอบการได้ยินในช่วงความถี่ต่างๆก่อน พอเสร็จแล้วการเปิดใช้งานโหมดนี้ก็จะเป็นการปรับแต่ง EQ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการได้ยินเสียงของเราครับ
นอกจากนี้ก็ยังมี EQ Preset ตามสไตล์เพลงต่างๆให้เลือกได้ด้วย หรือใครจะปรับ EQ เองแบบคัสตอมก็ได้เช่นกัน
- Active Noise Cancelling
สำหรับรุ่น Opera 03 และ 05 จะมีโหมด ANC ให้เปิดใช้ได้ด้วย แถมด้วย Transparent Mode ที่สามารถดูดเสียงภายนอกมาให้เราได้ยิน ถือว่าครบเครื่องตามสมัยนิยม แต่ความสามารถในการตัดเสียงรบกวนถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ครับ ไม่ได้หวือหวามาก สามารถขจัด noise floor ต่างได้ดี แต่ถ้าเป็นเสียงรบกวนที่ซับซ้อนกว่านั้นก็จะไม่ได้ช่วยซักเท่าไหร่ แต่มีก็ถือว่าดีก่าไม่มีและนี่เป็นข้อเสียเปรียบของ Engine 4 นั่นเอง
- Game Mode
มีให้ใช้เฉพาะในรุ่น Engine 4 เท่านั้น สามารถเปิดปิดการใช้งานได้ในแอพ ถ้าใครซีเรียสเรื่องการเล่นเกมส์ด้วยก็ต้องมองมาที่รุ่นนี้ครับ เพราะสามารถลดค่า Latency ลงได้ถึง 70ms เลยทีเดียว
- Dual Device Connection
นี่ก็มีแค่ในรุ่น Engine 4 เช่นกัน ซึ่งจะทำให้การสลับการใช้งานระว่างสองอุปกรณ์ทำได้อย่างลื่นไหล น่าแปลกว่าทำไมรุ่นที่ค่าตัวแพงกว่าอย่าง Opera ไม่ติดตั้งโหมดนี้มาให้
- Touch Control
เราจะควบคุมการทำงานของหูฟังทุกรุ่นได้ผ่านระบบ Touch Control ครับ แค่แตะที่ตัว faceplate เท่านั้น ลักษณะการควบคุมก็คล้ายๆกัน จะมีแค่รุ่น Opera ที่มีรายละเอียดมากกว่านิดหน่อยเพราะว่าเลือกโหมด ANC ได้สามรูปแบบ ระหว่างโหมด Normal, ANC หรือว่า Transparent
Sound Quality
ว่ากันเรื่องสเปคด้านเสียงกันก่อนครับอย่างแรกก็คือไดรเวอร์
- Engine 4 : จะใช้ไดรเวอร์แบบ Dual Dynamic Drivers ขนาด 6mm และ 10mm วางซ้อนในระนาบเดียวกัน เพื่อให้ตอบสนองย่านความถี่ได้ครบถ้วนกว่าไดรเวอร์ไดนามิคแบบเดี่ยวๆ
- Opera 03 : Hybrid Drivers ที่ผสม Bio-Composite Diaphragm Driver ขนาด 12mm บวกกับ Balanced Armature Driver หรือก็คือสูตร 1 ไดนามิคบวก 1 BA ที่เราคุ้นเคยนั่นเอง
- Opera 05 : คล้ายๆกับรุ่น 03 เพียงแต่ว่าจะเบิ้ลไดรเวอร์ BA ขึ้นมาเป็นสองตัวหรือก็คือ Bio-Composite Diaphragm Driver ขนาด 12mm บวกกับ Dual Balanced Armature Driver จำง่ายๆก็คือสูตร 1+2 ครับ
ทุกรุ่นมีสเปคในด้าน Frequency Response ค่อนข้างสูงครับ ทำได้ตั้งแต่ 20Hz – 40kHz แน่นอนว่าได้รับรองมาตราฐาน Hi-Res เป็นที่เรียบร้อย
องค์ประกอบเรื่องเสียงอีกอย่างก็คือระบบ bluetooth ที่ทั้งสามทำได้ดีเยี่ยมทัดเทียมกันหมดคือทำงานภายใต้ Bluetooth 5.3 และยังรองรับ codec ระดับ Hi-Res อย่าง LDAC ด้วยกันทั้งหมด
Sound Stage
- Engine 4 : ทำได้อยู่ในระดับกลางๆครับ เวทีเสียงไม่ได้กว้าง, โปร่งหรือใหญ่มาก ซาวด์ค่อนข้างแน่น อิ่ม การแยกรายละเอียดถือว่าทำได้ดีพอประมาณ
- Opera 03 : ความกว้างของเวทีเสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวทีดูใหญ่โตกว่าเดิม ให้ความรู้สึกของสเตอริโออิมเมจชัดเจน การแยกเครื่องดนตรีแต่ละเลเยอร์ก็อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน
- Opera 05 : ในด้านขนาดและความกว้างค่อนข้างสูสีกับ Opera 03 ครับ แต่มิติจะดีกว่าเล็กน้อย และสามารถจำแนกเครื่องดนตรีแต่ละเลเยอร์ได้อย่างชัดเจน ในหัวข้อซาวด์สเตจต้องยกให้ Opera 05 ไป
Bass
- Engine 4 : เบสบึ้มบั้มฟังสนุกตรงปกของคาแรคเตอร์ไดรเวอร์ไดนามิคครับ เบสลูกใหญ่อ้วนและลงลึกได้ฟีลซับเบสเลย ใครชอบความคึกคักรับประกันว่าไม่ผิดหวัง
- Opera 03 : ไม่น้อยหน้า Engine 4 แม้แต่น้อย แน่นอนว่าการดูแลความถี่ต่ำของ Opera 03 ก็เป็นหน้าที่ของไดรเวอร์ไดนามิคเช่นเดียวกัน ปริมาณเบส แรงปะทะต่างๆจึงดีเยี่ยมครับ หัวข้อนี้ให้เสมอกันไปเลย
- Opera 05 : ใกล้เคียง Opera 03 เอามากๆ เป็นเพราะว่าใช้ไดรเวอร์แบบเดียวกันเป๊ะ ต้องบอกว่าหูฟังทั้งสามรุ่นของ SoundPEATS ให้เสียงเบสเป็นที่น่าพอใจทุกรุ่นแน่นอน
Mid
- Engine 4 : เสียงกลางชัดเจนเคลียร์ใสแต่ไม่บางครับ ย่านกลางของ Engine 4 ออกแนวอิ่ม น้ำหนักดี รายละเอียดมาครบ เป็นแนวทางการออกแบบไดรเวอร์ที่ดีมาก ให้คาแรคเตอร์เสียงที่บาลานซ์ดีทีเดียว
- Opera 03 : ค่อนข้างคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จัวความรู้สึกของย่าน mid-high มาได้มากขึ้น เสียงมีขอบที่เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน เหมาะสำหรับคนชอบเสียงร้องชัดๆคมๆ แต่โทนเสียงไม่บางแน่นอนครับ
- Opera 05 : เสียงร้องจะขยับมาด้านหน้าขึ้นอีกนิด ย่านเสียงกลางของ 05 จะจัดจ้านมากที่สุดใน 3 รุ่น เหมาะสำหรับคนชอบฟังรายละเอียดเยอะๆ ชอบความคมชัด ซึ่งโดยรวมก็ยังบาลานซ์มาได้ดีครับ บาลานซ์น้ำหนักของเสียงกลางได้ดีทีเดียว
High
- Engine 4 : อยู่ในมาตราฐานที่ดี ไม่ถึงกับว๊าวจนตาเป็นประกายอะไรขนาดนั้นครับ อันที่จริงก็เป็นเสียงแหลมที่น่าฟังตามสไตล์ไดรเวอร์ไดนามิคนะ ผมเองก็ยังชอบเลยเพราะส่วนตัวไม่ชอบฟังย่านแหลมที่มันคมเกินไป คาแรคเตอร์เสียงแหลมประมาณ Engine 4 ก็ชัดเจนและฟังสบายหูครับ
- Opera 03 : พวก mid-high จะชัดเจนไปจนถึง high ที่สว่างมากขึ้น ปลายเสียงของเครื่องดนตรีอย่างกีตาร์โปร่งจะน่าฟังมากขึ้น ปรับจูนเสียงแหลมมาได้ดีและน่าฟังเลย ปลายอาจจะแข็งๆบ้างแต่ก็ถือว่าดีเกินค่าตัวไปเยอะครับ
- Opera 05 : ค่อนข้างใกล้เคียงกับ 03 อีกเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่า 05 จะจูนมาได้น่าฟังกว่า เสียงแหลมให้รายละเอียดชัดเจนแต่มีความละมุนน่าฟังกว่า 03 และเป็นเสียงแหลมที่ไปได้ไกลสุดในสามรุ่นนี้ครับ
ในเรื่องเสียง Engine 4 กับคู่หู Opera จะมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันชัดเจนครับ Engine 4 ถือว่าฟังสนุก รายละเอียดดีในตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าเน้นความ Hi-Fi ต้องการรายละเอียดจัดๆ โดยเฉพาะเรื่องของเวทีเสียง Opera จะตอบสนองได้ดีกว่าครับ
SoundPEATS : Engine 4 / Opera 03 & 05
จากการทดสอบ SoundPEATS ทั้งสามรุ่นถือว่าเป็นหูฟัง True Wireless ในงบสองถึงสามพันที่น่าสนใจทุกรุ่นครับ คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี เฉพาะในแง่เสียงรับรองว่าไม่มีรุ่นไหนขาดทุนแน่นอน ส่วนฟังค์ชั่นที่ให้มาก็คุ้มพอประมาณครับ อย่าง Opera ที่มี ANC มาให้ถึงจะไม่ได้ตัดเสียงรบกวนได้เหมือนกับพวกรุ่นใหญ่ๆ แต่มีให้ก็ถือว่าดีกว่าไม่มี ถ้าไม่ได้ซีเรียสส่วนนี้ Engine 4 ก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะ ฟันธงว่าคุ้มค่าน่าลงทุนทั้งสามรุ่นครับ