รีวิว FitEar TG335 ที่สุดของหูฟัง UIEM จากประเทศญี่ปุ่น
คงไม่เกินไปนักถ้าจะบอกว่า FitEar TG335 เป็นหนึ่งในตัวจบของหูฟังสาย Universal In-Ear Monitor ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเรื่องค่าตัวเพียงอย่างเดียว แต่ประสิทธิภาพเสียงที่ได้เป็นที่ยอมรับจากทุกสำนักว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ดีงามไม่ต่างจากรุ่นคัสตอม เพียงแต่ว่าเดินซื้อได้เลยไม่ต้องเสียเวลาสั่งทำให้เมื่อยตุ้ม ถ้าอยากรู้ว่าทำไมหูฟังรุ่นนี้ถึงได้รับการสรรเสริญว่าเป็นหนึ่งในตองอูก็ต้องแวะมาดูกันซักนิดครับ
FitEar TG335 Universal In-Ear Monitor
PROS จุดเด่น | CONS จุดด้อย |
บาลานซ์ความถี่ต่างๆได้ดีเยี่ยม | ถ้าได้ High ที่สว่างกว่านี้อีกนิดจะดีมาก |
รายละเอียดมาเต็ม ซาวด์สเตจจะแจ้ง | ค่าตัวแรง |
ซาวด์หนา อิ่ม เบสแน่น ฟังสนุก |
Packaging and Accessories
ต้องขอข้ามในส่วนของแพคเกจไปนิดนึงนะครับ เนื่องจากหูฟังที่ได้มาเป็นตัวเดโม่ที่ใส่มาในฮาร์ดเคสเรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้เห็นแพคเกจภายนอก แต่ถ้าเดาไม่ผิดแพคเกจของ FitEar เค้าก็เรียบๆไม่ได้หวือหวาอะไรอยู่แล้ว จุดขายจริงๆก็จะเป็นฮาร์ดเคสของค่าย Pelican รุ่น 1010 Micro Case ที่ให้มามากกว่า
เคสของ Pelican หลายคนอาจจะคุ้นตาจากเคสมือถือ หรือถ้าเป็นสายโปรดัคชั่นก็อาจจะเห็นเคสใส่กล้องหรืออุปกรณ์ถ่ายทำต่างๆมากมาย ลามไปจนถึงเคสสำหรับอุปกรณ์ Tactical หรืออุปกรณ์ทางการทหาร Pelican ก็มีเช่นกัน ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความทนทานครับ ปาเคสทิ้งก็ยังไม่สะเทือนถึงหูฟังข้างในเลย (อันนี้ล้อเล่นนะฮะ ฮ่าๆ)
โอเค ถัดจากเคสแล้วอุปกรณ์อื่นที่ให้มาก็จะมีจุกยางหูฟัง, แปรงทำความสะอาด, Cable Clip สำหรับเหน็บสายหูฟังเราเข้ากับเสื้อ แล้วก็ถุงตาข่ายอย่างหนาสำหรับเก็บหูฟังอีกชั้นนึงครับ
ส่วนของสายสัญญาณที่ให้มาจะเป็นรุ่น FitEar cable 013 ใช้หัวแจ็คขนาด 3.5mm Stereo mini-plug มาตราฐาน เป็นสายรุ่นอัพเกรดประจำค่ายที่ถ้าต้องซื้อแยกก็หลายตังค์เลย ต้องใช้งานกันถนอมๆหน่อยนะครับ
Build and Comfort
ส่วนของ Shell ทั้งหมดในเวปไซต์ไม่ได้บอกสเปควัสดุที่แน่นอนเอาไว้ แต่จากสัมผัสก็น่าจะเป็นเรซิ่นแล้วครอบด้วยพลาสติคอย่างหนาอีกทีที่บริเวณคอนเน็คเตอร์ ตัวเรซิ่นขัดมาเรียบลื่นให้สัมผัสที่ดีมาก คุณภาพเช่นเดียวกับรุ่นคัสตอมไม่มีผิดเพี๊ยน
ส่วนตัวผมค่อนข้างถูกโฉลกกับรูปร่างของ TG335 เพราะว่ามันสามารถใส่ได้กระชับพอดีกับหูผมเลย ไม่อึดอัด ใส่ฟังได้นานแบบสบายๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความที่ว่าเป็นหูฟัง Universal ก็ต้องมาลองด้วยตัวท่านเองครับ ว่าใส่พอดีเหมือนผมรึเปล่า
Headphone Details
TG335 มีสเปคที่แตกต่างจากหูฟังทั่วไปพอสมควรครับ โดยเฉพาะการออกแบบท่อนำเสียงที่เป็นดีไซน์เฉพาะของเค้าเลย ขอเริ่มจากตัวไดรเวอร์ก่อน ระบบไดรเวอร์ที่ใช้จะเป็นแบบ 3 Way / 5 Drivers คือใช้ไดรเวอร์ balanced armature ทั้งหมด 5 ตัวแบ่งเป็น Low x 2 / Mid-Low x 2 / High x 1
ไดรเวอร์แต่ละชุดจะมีท่อนำเสียงแยกการทำงานของใครของมันชัดเจนแต่ก็มาบรรจบกันที่ปลายท่ออย่างพร้อมเพรียงกันทั้งหมด ถ้าดูจากภาพจะเห็นชัดว่าลักษะณะท่อนำเสียงของ TG335 จะแตกต่างจากหูฟังทั่วไปครับ
อย่างหูฟังคัสตอมส่วนใหญ่จะแยกท่อนำเสียงของไดรเวอร์แต่ละชุดอย่างชัดเจนและจนถึงปลายท่อนำเสียงก็ยังแยกกันอยู่ ส่วนหูฟัง Universal ส่วนใหญ่ตัวท่อนำเสียงก็จะมารวมกันเป็นท่อเดียวที่ปลายทาง แต่สำหรับ TG335 ท่อนำเสียงจะแยกกันอย่างชัดเจนและมาเรียงขนาดกันพอดีที่ปลายทาง ส่วนท่อนำเสียงของ High Frequency Driver ยังทำมาจากไทเทเนี่ยมโดยเฉพาะเพื่อการตอบสนองที่ดีกว่า
จะเห็นได้ว่าตัว stem ของหูฟังจะมีลักษณะเป็นวงรี ต่างจากหูฟังทั่วไปที่มักเป็นวงกลม สาเหตุก็มาจากวิธีการเรียงท่อนำเสียงภายในที่ FitEar เลือกใช้นี่ล่ะครับ ซึ่งถึงจะดูเหมือนมีขนาดใหญ่กว่าปกติ แต่เวลาใช้งานจริงก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมครับ
Sound Quality
Sound Stage
ผมเคยผ่านการทดลองฟังตัวเดโม่ของ MH335 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นคัสตอมของ TG335 เมื่อนานมาแล้วและก็ยังประทับใจไม่รู้ลืม ทันทีที่ได้ฟัง TG335 ความทรงจำเมื่อตอนนั้นก็แว่บกลับมาเลย คาแรคเตอร์เสียงที่พอจะจำได้จาก MH335 มาถึง TG335 ก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมทุกประการ
TG335 เป็นหูฟังที่ให้มิติดีมากๆ คือมันสามารถแยกรายละเอียดทั้งด้านกว้าง ด้านลึกได้อย่างชัดเจน แต่ว่าซาวด์ทั้งหมดยังเกาะเป็น context เดียวกันอยู่ บาลานซ์ย่านเสียงต่างๆได้เยี่ยม เรียกว่ามันดีทั้งการใช้งานเป็นหูฟังมอนิเตอร์และตอบสนองการฟังเพลงเพื่อความบันเทิงได้เป็นอย่างดี
สำหรับผม TG335 เป็นหูฟังที่มีความเป็น Musical สูงมาก ฟังเพลงได้เพลิน ไม่แปร่งหูแต่เราก็จะเพลิดเพลินกับรายละเอียดต่างๆของเพลงที่พึ่งจะมาพบเจอเมื่อฟังผ่าน TG335 ด้วย ในส่วนของ Sound Stage ต้องบอกว่ากว้างแต่ไม่โหวงเหวง จูนเสียงมาได้น่าฟังจริงๆ
Bass
จากรากฐานของ MH335 ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมือกลองและมือเบส ซึ่งนักดนตรีสองตำแหน่งนี้ต้องการความชัดเจนและปริมาณของความถี่ต่ำมากกว่าผู้เล่นตำแหน่งอื่น พอมาถึงรุ่น TG335 เบสที่ได้ก็ยังคงหนักแน่น มวลหนา อิ่ม ฟังสนุกมาก
ก็ไม่น่าแปลกเพราะมีไดรเวอร์เฉพาะ Low ให้ถึงสองตัว หายห่วงเรื่องเสียงเบสแน่ๆ เวลาฟังเพลงเสียงจากกีตาร์เบสจะอุ้มซาวด์ทั้งหมดของเพลงที่เราฟังได้เป็นอย่างดี แรงปะทะของคิกดรัมก็แข็งแรง ภาพรวมของเบสเต็มอิ่ม และรับรองว่าเบสไม่ล้นเกินไปแน่นอน สามารถฟังเพลงได้โอเวอร์ออลทุกสไตล์ครับ
Mid
เสียงกลางของ TG335 ให้บอดี้ที่เต็มอิ่ม มีเนื้อมีหนังดีมาก การเก็บรายละเอียดต่างๆถือว่าสุดยอด เป็นเสียงกลางที่ไม่ได้คมชัดจนเกินไปแต่สามารถถ่ายทอดพวกไมโครดีเทลได้ครบถ้วน พวกเสียงร้องก็มีพลัง มีน้ำหนักที่น่าฟังมากๆ ต้องย้ำอีกรอบว่า Tonal Balance ของ TG335 ทำได้ประทับใจมากๆ เบสอาจจะเป็นคีย์หลักของโทนเสียง แต่ก็จัดวางร่วมกับเสียงกลางและแหลมได้อย่างกลมกลืน
High
ถึงจะแบ่งไดรเวอร์มาดูแลเสียงแหลมเพียงตัวเดียว แต่ประสิทธิภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยครับ รายละเอียดของเสียงแหลมทำได้ดี เพียงแต่ว่ามันไม่ได้โปร่งหรือใสกรุ้งกริ้งมากนัก เอาเข้าจริงๆผมก็อยากให้ High ของ TG335 มันไปได้ไกลอีกหน่อย ไม่งั้นมันจะเป็นหูฟังที่เพอร์เฟคแบบหาคู่แข่งยากมากๆเลย
พอดีตอนที่ลองเทสอยู่นี่ผมบังเอิญได้ FitEar Silver ซึ่งเป็น UIEM รุ่นล่าสุดมาเทียบพร้อมกันพอดี แล้วขานั้นเค้าให้ High ที่สวยเอามากๆ ผมเลยยิ่งติดกับเสียงแหลมของ TG335 ไปนิดนึง แต่ยังไงก็ยังอยู่ในมาตราฐานที่ดีครับ
Conclusion
FitEar TG335 ยังคงครองอันดับหัวแถวของหูฟัง Universal In-Ear Monitor ในใจของผมเอาไว้ได้ไม่ต่างจากรุ่นคัสตอม MH335 มันดีพอที่จะใช้กับการทำงานสำหรับเหล่า Pro Audio ทั้งหลายและยังใช้ฟังเพลงได้อย่างเพลิดเพลินสำหรับชาว Music Lover ด้วย โดยเฉพาะซาวด์สเตจและการบาลานซ์ย่านความถี่ที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม
ถึงค่าตัวจะสูงซักหน่อย แต่อย่างว่า TG335 อยู่ในหมวดเรือธงและสามารถเป็นหนึ่งในตัวจบของคุณได้อย่างไม่ยากเย็น นี่คือหนึ่งในหูฟังที่ผมแนะนำให้คุณลองจริงๆ เพราะมันสามารถจะเป็น Reference ที่ดีสำหรับหูคุณไปได้ตลอดอย่างแน่นอนครับ