Posted in NEWSUncategorized
DAC นั่นมันก็คือ …
DAC ย่อมาจาก Digital to Analog Converter ถ้าอ่านจากภาษาอังกฤษก็น่าจะรู้แล้วว่ามันคืออะไร มันก็คืออุปกรณ์ที่สามารถแปลงข้อมูลจากที่เป็น 0101010110101 ที่มาจากไฟล์เพลงของเรา ให้เป็นเสียงที่คนเราสามารถฟังแล้วเข้าใจได้
มนุษย์สามารถฟังและเข้าใจเสียงที่เป็น analog ได้เท่านั้น เสียง 0101 ก็จะเป็น ปิ๊ดๆๆๆๆ หลายแสนหลายล้านครั้งในหนึ่งวินาที รับรองว่าฟังกันไม่ออกแน่ถ้าไม่ใช่ robot
DAC ทำงานอย่างไร
ขั้นตอนการทำงานของ DAC คร่าวๆ มีดังนี้
- หลังจากต่อสายเข้ากับเครื่องเล่นเพลง (iOS devices, Android, PC, Mac) DAC จะคุยกับเครื่องเล่น ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็ทำงานได้ ที่บางคนสงสัยว่าทำไม DAC มันใช้กับอุปกรณ์บางอันไม่ได้ ก็เพราะมันคุยกันไม่รู้เรื่องเนี่ยล่ะ
- เครื่องเล่นเพลงเริ่มส่งข้อมูลในรูปของ data stream ไม่ว่าจะเป็น PCM หรือ DSD
- DAC รับข้อมูล data stream ไปผ่านกระบวนการแปลงให้เป็นเสียงโดยใช้ algorithm ต่างๆ นาๆ แล้วแต่เซียนคนไหนจะคิดขึ้นมาได้ DAC ยิ่งเทพ algorithm ก็ยิ่งดี ได้ยินเสียงเป็นเสียงเพลง มีรายละเอียดชัดเจน มิติโอ้ละพ่อ แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย
- DAC ส่งสัญญาณเสียง analog ไปให้ built-in amplifier หรืออาจจะต่อออกไปที่ amplifier อื่น หลังจากนี้มันก็เป็นเสียงเพลงที่เราฟังได้ยินละ
ถ้ามี DAC แบบที่ไม่มี built-in amplifier หรือ pure DAC ผมเอาหูฟังเสียบตรงได้เลยมั้ยครับ
เสียบได้ครับ แต่ไม่แนะนำให้เปิดเพลงหรือเปิดเสียงใดๆ … อ้าว … เพราะถ้าเราเอาหูฟังไปเสียบเข้ากับ pure DAC รับรองหูฟังเราจะกระจุยแน่นอน แถมเสียงยังไม่ค่อยดีด้วย เนื่องจาก DAC ชนิดนี้จะส่งสัญญาณเสียงที่มีความดังแบบเต็มที่ ไม่มีการลดทอน หรือมีวอลุ่มให้ปรับ ทั้งนี้ก็เพราะมันทำมาไว้สำหรับต่อกับแอมพ์อีกทีนั่นเอง
ใช้ DAC มันทำให้อะไรดีขึ้น
คำถามยอดฮิต เพราะหลายคนงงว่า Amp กับ DAC (จริงๆ ถ้าจะพูดให้ถูกมันต้องเรียกว่า DAC/Amp หรือ DAC + Amp) มันต่างกันยังไง ถ้าดูจากขั้นตอนการทำงาน DAC แล้วก็น่าจะพอเข้าใจขั้นตอนการทำงานของ DAC เบื้องต้นกันแล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ amp เลย
ถ้าจะให้เปรียบ การใช้ Amp ก็เหมือนกับการที่เรามีรถยนต์ดีๆ แล้วก็แต่งเสริมเข้าไปโดยไม่เปลี่ยนเครื่องยนต์ ส่วนการใช้ DAC ก็เหมือนกับการเอารถยนต์คันดีๆ ที่มีอยู่มาเปลี่ยนเครื่องใหม่ มันก็จะได้อะไรที่แตกต่างไปจากเดิมค่อนข้างเยอะ
ที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องรายละเอียดและมิติ (soundstage) ซึ่งพอใช้ DAC ก็จะทำให้จะดีขึ้น แตกต่างจากการใช้ Amp ที่ต้องคอยอาศัยคุณภาพเสียงจากเครื่องเล่นที่มีเป็นหลัก
ใน DAC มีแอมพ์มั้ย?
อันนี้ตอบยาก เพราะมันก็มีทั้ง DAC ที่มี Amp ในตัวและก็พวกที่ไม่มี จุดสังเกตง่ายๆ คือ DAC ที่มี Amp ในตัว หรือที่เรียกว่า DAC/Amp จะมีปุ่มปรับระดับเสียง ส่วน DAC แบบเพียวๆ ก็จะไม่มีปุ่มปรับเสียง